ในศึกฟุตบอล บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการลูกหนังไทย เมื่อ นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ หรือที่แฟนบอลรู้จักในชื่อ “หมอหวัด” ประธานสโมสร พลังกาญจน์ เอฟซี ถูก คณะพิจารณาวินัยมารยาท มีมติลงโทษอย่างเด็ดขาด หลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมและมีถ้อยคำที่เข้าข่าย ดูหมิ่นผู้ตัดสิน ภายหลังจบเกมที่ทีมของเขาบุกไปพ่าย การท่าเรือ เอฟซี แบบขาดลอย 0-8
สาเหตุของบทลงโทษ
หลังจบเกมการแข่งขัน นพ.ประวัติ ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ของทีม พร้อมทั้งแนะนำ โค้ชคนใหม่ ให้กับสื่อมวลชน แต่ระหว่างการให้สัมภาษณ์ เจ้าตัวได้พูดถึงผลการแข่งขันโดยกล่าวว่า
“การท่าเรือเป็นทีมที่ดี แต่กรรมการดีกว่า”
ซึ่งแม้จะเป็นคำพูดเพียงประโยคเดียว แต่การสื่อสารในลักษณะนี้เข้าข่าย ดูหมิ่นและเยาะเย้ยผู้ตัดสิน นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเจ้าตัวได้แสดงท่าทางทางภาษากายที่สื่อถึงอารมณ์โกรธและไม่พอใจ ซึ่ง คณะวินัยฯ เห็นว่าเป็น พฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน และสร้างผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของลีก
บทลงโทษจากคณะวินัยฯ
จากการประชุมพิจารณาอย่างละเอียด คณะพิจารณาวินัยมารยาท ได้อ้างอิงตาม ข้อ 2.6 ของระเบียบว่าด้วยการลงโทษ ซึ่งระบุชัดเจนว่า
“กรณีด่าบุคคลใดด้วยถ้อยคำหยาบคาย เยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าวข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งทางวาจาหรือภาษากาย จะถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท”
แต่เนื่องจากการกระทำดังกล่าวของ นพ.ประวัติ เป็นการแสดงพฤติกรรม ต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน โดยตรง จึงถูก เพิ่มโทษสูงสุด เป็น
- พักการทำหน้าที่ 3 นัด
- ปรับเงิน 45,000 บาท
ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจากฝ่ายจัดการแข่งขันว่า จะไม่ยอมให้มีพฤติกรรมที่ละเมิดจรรยาบรรณในเกมกีฬา โดยเฉพาะจากผู้บริหารระดับสูงของสโมสร
สะท้อนภาพลักษณ์ลีกและความเข้มงวดของคณะวินัยฯ
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงมาตรการที่เข้มงวดของฝ่ายจัดการแข่งขันในฤดูกาลนี้ ซึ่งเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเคารพกติกา และ ไม่ใช้คำพูดที่บั่นทอนศรัทธาในผู้ตัดสิน เพราะกรรมการคือกลไกสำคัญของการแข่งขันที่ต้องได้รับการปกป้องความเป็นกลาง
สำหรับแฟนบอลหลายคน มองว่าการลงโทษครั้งนี้ถือเป็น กรณีศึกษา ให้กับทุกสโมสร โดยเฉพาะบุคลากรที่อยู่ในตำแหน่งบริหาร ว่าการแสดงความเห็นในที่สาธารณะควรอยู่ในขอบเขตแห่งความเหมาะสม เพื่อรักษาเกียรติของสโมสรและความเป็นมืออาชีพในวงการ
ความเคลื่อนไหวของพลังกาญจน์ เอฟซี
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว พลังกาญจน์ เอฟซี ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทลงโทษนี้ แต่คาดว่าในการแข่งขันนัดต่อไป ทีมจะต้องมี ผู้แทนชั่วคราว ทำหน้าที่แทนประธานสโมสรที่ถูกพักการทำหน้าที่ โดยทีมยังคงต้องเน้นผลงานในสนามเพื่อหนีโซนท้ายตาราง หลังพ่ายเกมล่าสุดอย่างยับเยิน
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับกติกาวินัยฟุตบอลไทย
- การดูหมิ่นผู้ตัดสิน ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือภาษากาย ถือเป็นความผิดร้ายแรงในทุกลีก
- คณะวินัยมารยาทของไทยลีกมีหน้าที่ตรวจสอบทุกกรณีที่เกิดขึ้นหลังเกมอย่างละเอียด
- สโมสรมีสิทธิ์อุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากเห็นว่าบทลงโทษไม่เป็นธรรม
- บทลงโทษเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานแห่งความเคารพในเกมกีฬา
สรุป
บทลงโทษของ “หมอหวัด” ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า การสื่อสารในวงการฟุตบอลต้องมีความรับผิดชอบสูง โดยเฉพาะในยุคที่ทุกคำพูดสามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสโมสรและลีก การเคารพผู้ตัดสินและทุกฝ่ายในสนามจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนในวงการต้องยึดถือเป็นหลัก เพื่อพัฒนาเกมฟุตบอลไทยให้เติบโตอย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นมืออาชีพ
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไทยและต่างประเทศแบบเข้มข้นทุกวันได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM