ผอ.เลเวอร์คูเซ่นออกโรงปกป้อง – ชี้ชัดปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวียร์ตซ์
ซิมอน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬาของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ออกมาให้เหตุผลแบบตรงไปตรงมาถึงสาเหตุที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดกับ ลิเวอร์พูล ได้ในช่วงออกสตาร์ตซีซั่นนี้ แม้เจ้าตัวจะถูกซื้อตัวมาด้วยดีลระดับมหาศาลถึง 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท)
โรลเฟสย้ำชัดว่า ไม่ใช่เพราะเวียร์ตซ์ฟอร์มตก แต่เป็นเพราะ ลิเวอร์พูลยังเล่นกันไม่ลื่นไหลพอ ทำให้กองกลางตัวสร้างสรรค์เกม ไม่สามารถโชว์ความอันตรายในพื้นที่สุดท้ายได้อย่างเต็มที่
ฟอร์มฝืดแบบไม่คาดคิด – 692 นาที ไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์
หลังย้ายมาร่วมทัพ “หงส์แดง” เวียร์ตซ์ได้รับความคาดหวังมหาศาลจากเหล่า “เดอะ ค็อป” ว่าจะเข้ามาเป็นตัวปั้นเกมรุกคนใหม่ แต่ตัวเลขกลับสวนทางอย่างน่าตกใจ
- ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 11 นัด
- อยู่ในสนามรวม 692 นาที
- ยิง 0 ประตู – ทำ 0 แอสซิสต์
ฟอร์มที่ยังไม่สามารถปล่อยของได้ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์พอสมควรว่าค่าตัวระดับร้อยล้านปอนด์อาจจะกดดันเจ้าตัวเกินไป

โรลเฟสเผยเบื้องลึก – เวียร์ตซ์เป็น “เพลย์เมคเกอร์เพื่อทีม” ไม่ใช่แข้งแบกทีมคนเดียว
ผอ.เลเวอร์คูเซ่นให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า เวียร์ตซ์ไม่ใช่ปัญหา แต่คือเหยื่อของระบบที่ยังไม่ลงตัวของลิเวอร์พูล
“เวียร์ตซ์เป็นผู้เล่นที่เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง” โรลเฟสกล่าว
“เขาโดดเด่นมากในระบบที่ทุกอย่างไหลลื่นและประสานงานกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ตอนนี้ลิเวอร์พูลยังเข้าจังหวะกันไม่ลงตัว นั่นทำให้เขาต้องเจอกับความยากลำบากในการงัดฟอร์มเก่งออกมา”
คำพูดนี้สะท้อนว่า เวียร์ตซ์เป็นนักเตะประเภทต้องใช้ “ระบบที่เหมาะสม” มากกว่าการเล่นแบบแบกทีมคนเดียว เขาต้องพึ่งการเคลื่อนที่รอบตัวและการสอดประสานของเพื่อนร่วมทีม เพื่อสร้างพื้นที่และจังหวะอันตราย
ลิเวอร์พูลยังอยู่ในช่วงปรับจูน – เวียร์ตซ์ต้องรอเวลาเพื่อปลดล็อก
แม้ตัวเลขดูไม่สวย แต่เวียร์ตซ์ยังคงมีคุณภาพเต็มเปี่ยม และลิเวอร์พูลยังอยู่ในช่วงปรับระบบใหม่ การเข้ามาของผู้เล่นชุดใหญ่หลายรายทำให้โค้ชต้องใช้เวลาในการทำให้ทุกอย่างลงตัว
หากจังหวะและการประสานงานเริ่มเข้าที่เมื่อไหร่ เวียร์ตซ์อาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สามารถระเบิดฟอร์มได้ทันที เพราะศักยภาพของเขาที่แสดงให้เห็นในบุนเดสลีกานั้น ไม่มีใครตั้งข้อสงสัย

เกล็ดความรู้: ทำไมเพลย์เมคเกอร์จึงต้องพึ่ง “ระบบทีม” มากกว่าตัวเมคอื่น?
- เพลย์เมคเกอร์ต้องใช้พื้นที่ระหว่างไลน์ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมต้องสร้างให้
- การเคลื่อนที่ของเพื่อนส่งผลต่อการตัดสินใจจ่ายบอลของเพลย์เมคเกอร์โดยตรง
- ระบบทีมที่ลื่นไหลทำให้เพลย์เมคเกอร์มีตัวเลือกหลายทาง → เพิ่มโอกาสสร้างสรรค์เกม
- หากทีมไม่ลงตัว เพลย์เมคเกอร์จะถูกประกบง่าย เพราะระบบไม่ช่วยปลดภาระความกดดัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมแม้จะเป็นสตาร์ค่าตัวแพงก็ยังต้องใช้เวลาเข้ากับทีมใหม่
ติดตามข่าวสารฟุตบอลอัปเดตทุกวันได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM พร้อมเสิร์ฟประเด็นเข้มข้นและบทวิเคราะห์สุดจัดจ้าน