ดราม่าก่อนเตะ: มาซราวีถูกดึงตัวทีมชาติ ทำแมนยูแผนรวน
สถานการณ์ในแคมป์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นประเด็นร้อนทันที หลังมีรายงานว่า มาซราวี แบ็กขวาตัวเก่งไม่สามารถลงสนามในเกมสุดเดือดที่เสมอ บอร์นมัธ 4-4 เพราะถูกดึงตัวไปรับใช้ ทีมชาติโมร็อกโก ลุยศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ตามข้อบังคับของฟีฟ่าแบบเลี่ยงไม่ได้
เดลี่เมล สื่อดังเมืองผู้ดีเผยว่า เดิมทีแมนยูคาดหวังจะใช้งานมาซราวีในเกมพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนท์ วันที่ 15 ธันวาคม เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กลายเป็นศึกแลกหมัดแบบยิงกันไม่ยั้ง แต่สุดท้ายแข้งโมร็อกกันไม่มีชื่อแม้แต่บนม้านั่งสำรอง ทำให้ฝ่ายจัดการทีมและแฟนบอลถึงกับเซ็งจัด เพราะมองว่านี่คือผลกระทบจากโปรแกรมและกฎที่ “แข็งทื่อเกินไป”
กฎฟีฟ่าต้นเหตุ – 7 วันก่อนทัวร์นาเมนต์ ต้องปล่อยตัว
จุดเปลี่ยนทั้งหมดอยู่ที่กฎของฟีฟ่าเกี่ยวกับทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ฟีฟ่ากำหนดชัดเจนว่า นักเตะที่ถูกเรียกติดทีมชาติไปเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ต้องถูกปล่อยตัวอย่างน้อย 7 วันก่อนเกมแรกของชาตินั้น
ในกรณีของมาซราวี ช่วงเวลาปล่อยตัวเริ่มนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม ซึ่งดันไปตรงกับวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามพบ บอร์นมัธ พอดีเป๊ะ และเมื่อทีมชาติโมร็อกโกยืนยันใช้สิทธิ์ตามกฎเป๊ะๆ นักเตะจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอนตัวจากเกมลีกนัดนี้
ประเด็นที่ทำให้ฝั่งสโมสรหัวเสียคือ เดิมทีเกมนี้ควรเตะในวันเสาร์ หากโปรแกรมไม่ถูกขยับมาเล่นวันจันทร์เพื่อถ่ายทอดสด มาซราวีจะมีสิทธิ์ลงสนามอย่างถูกต้องตามกฎ และทิศทางของเกมอาจเปลี่ยนไปได้เลย

โมร็อกโกยืนกราน – ฟีฟ่าหนุนหลัง แมนยูเจ็บแต่ต้องจำ
แหล่งข่าวใกล้ชิดห้องประชุมแมนยูเผยว่า สโมสรพยายามต่อรองให้มาซราวีอยู่ช่วยทีมในแมตช์มันเดย์ไนท์ พร้อมทั้งยกประเด็นขึ้นไปถึงระดับฟีฟ่า หลังถูกสมาคมฟุตบอลโมร็อกโกปฏิเสธคำขอ
อย่างไรก็ดี ฟีฟ่าตัดสินเข้าข้างทีมชาติ ยืนยันให้ยึดตามระเบียบปล่อยตัวนักเตะเต็มรูปแบบ แมนยูจึงจำใจเสียแบ็กตัวหลักไปแบบที่ทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากปรับแผนกันวุ่นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเตะ
อโมริมปวดหัว! ต้องพึ่งดาวรุ่ง โยโร่–เฮฟเว่น ยืนแนวรับแทน
ผลกระทบตกใส่แผนของ รูเบน อโมริม แบบเต็มๆ เมื่อกุนซือโปรตุกีสต้องปรับโครงสร้างแนวรับใหม่ โดยเลือกใช้งานเซ็นเตอร์ดาวรุ่งอย่าง เลนี โยโร่ และ เอย์เดน เฮฟเว่น รับมือเกมรุกบอร์นมัธ
การไม่มีฟูลแบ็กประสบการณ์สูงอย่างมาซราวี ทำให้สมดุลแนวรับฝั่งขวาและการขึ้นเกมด้านกว้างของแมนยูเสียหายไปพอสมควร ยิ่งในเกมที่ต้องวิ่งไล่ตามสกอร์และสู้กันด้วยความเข้มข้นสูงตลอด 90 นาที การขาดนักเตะที่อ่านเกมเก่งและยืนตำแหน่งดี ย่อมฉุดมาตรฐานของทีมลงแบบเลี่ยงไม่ได้
เคสเปรียบเทียบ: ทำไมอาหมัด–เอ็มเบอโม่ลงเล่นได้?
ยิ่งไปกว่านั้น แฟนบอลยิ่งสงสัยเมื่อเห็นว่า อาหมัด ดิยัลโล่ และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ยังได้รับอนุญาตให้ลงสนามเกมเดียวกัน ทั้งที่ทั้งคู่ก็ถูกเรียกติดทีมชาติไปเล่นแอฟคอนเหมือนกัน
เหตุผลก็คือ สมาคมฟุตบอลไอวอรีโคสต์และแคเมอรูนมีการพูดคุยกับแมนยู และยินยอมผ่อนปรนให้สองแนวรุกลงเล่นก่อน แล้วค่อยไปรายงานตัวสมทบภายหลัง ทำให้ฝั่งปีศาจแดงออกแถลงแสดงความขอบคุณต่อทั้งสองชาติอย่างเป็นทางการ
ตรงกันข้ามกับฝ่ายโมร็อกโกที่เลือกยึดกฎเต็มรูปแบบ ไม่อนุญาตให้มาซราวีลงเล่นแม้จะเป็นเกมสำคัญของสโมสร ส่งผลให้บรรยากาศฝั่งแมนยูเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่ “ทำใจและเดินหน้าต่อ”
โปรแกรมโหดที่ต้องขาด 3 แข้งแอฟคอน
ภายใต้ความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ แมนยูจะต้องลงเล่นโดยไม่มี มาซราวี, อาหมัด และ เอ็มเบอโม่ ในหลายเกมสำคัญช่วงปลายปีและต้นปีใหม่
โปรแกรมที่ทั้งสามคนน่าจะพลาดมีดังนี้
- เกมเยือน แอสตัน วิลล่า วันอาทิตย์นี้
- เกมเปิดบ้านรับ นิวคาสเซิล ในวันบ็อกซิ่งเดย์ 26 หรือ 27 ธันวาคม (ตามโปรแกรมถ่ายทอด)
- เกมเหย้าพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันอังคารที่ 30 ธันวาคม
ยังไม่หมดเท่านั้น หากทีมชาติของมาซราวี, อาหมัด และเอ็มเบอโม่ ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 18 มกราคม พวกเขาอาจต้องพลาดช่วยสโมสรเพิ่มอีกสูงสุด 3 นัดในพรีเมียร์ลีก รวมถึงเกม เอฟเอ คัพ รอบสาม ที่แมนยูจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน ด้วย
ดวลเพื่อนร่วมทีมในแอฟคอน – อาหมัดปะทะเอ็มเบอโม่
ความเข้มข้นของทัวร์นาเมนต์ทีมชาติยังเพิ่มสีสันเข้าไปอีก เมื่อ อาหมัด ดิยัลโล่ กับ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มีคิวดวลกันโดยตรงในศึกแอฟคอนที่จัดขึ้นในโมร็อกโก โดย ไอวอรีโคสต์ จะพบ แคเมอรูน ในวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม
สำหรับแฟนบอลปีศาจแดง นี่คือภาพที่คุ้นแต่แปลก: นักเตะที่ปกติเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่ในสโมสร ต้องหันมาใส่เสื้อทีมชาติคนละสี แล้วสู้กันแบบเต็มข้อในศึกชิงแชมป์ทวีป ขณะที่ต้นสังกัดนั่งลุ้นจากระยะไกลพร้อมภาวนาไม่ให้ใครเจ็บเพิ่ม

สรุป – ศึกที่ใหญ่กว่าหนึ่งเกม คือสงครามผลประโยชน์สโมสร-ทีมชาติ
กรณีของมาซราวีสะท้อนชัดเจนว่า “ความขัดแย้งระหว่างสโมสรกับทีมชาติ” ยังเป็นปัญหาที่วงการฟุตบอลแก้ไม่เคยขาด แม้จะมีกรอบกติกาของฟีฟ่าคุมอยู่ก็ตาม
มุมหนึ่ง ทีมชาติยืนกรานตามสิทธิ์ ต้องการนักเตะไปรายงานตัวเต็มเวลาเพื่อเตรียมพร้อมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ส่วนอีกมุม สโมสรอย่างแมนยูที่จ่ายค่าเหนื่อยมหาศาล ก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ เมื่อถูกบีบให้ขาดกำลังหลักในช่วงโปรแกรมโหดที่ตัดสินอนาคตบนตาราง พรีเมียร์ลีก
และจนกว่าจะมีการเจรจาเปลี่ยนแปลงกฎหรือจัดตารางแข่งให้สมดุลกว่านี้ ดราม่าแบบ “มาซราวีเคส” ก็มีสิทธิ์เกิดซ้ำได้อีกในอนาคต ไม่ว่าสโมสรจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหนก็ตาม
เกล็ดความรู้: กฎปล่อยตัวทีมชาติ & ดราม่าแอฟคอนที่สโมสรต้องเจอ
- ฟีฟ่ากำหนดให้สโมสรต้องปล่อยตัวนักเตะอย่างน้อย 7 วันก่อนเกมแรกของทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ เช่น แอฟคอน หรือยูโร นั่นทำให้เกมลีกช่วงโค้งสุดท้ายก่อนทัวร์นาเมนต์มักมีนักเตะหายไปแบบที่แฟนบอลสงสัยว่า “หายไปไหน?”
- แอฟคอนมักจัดช่วงปีใหม่ ทับกับโปรแกรมลีกยุโรปโดยตรง ทำให้ทีมจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และลีกใหญ่หลายชาติได้รับผลกระทบหนักกว่าทัวร์นาเมนต์อื่น
- การผ่อนปรนให้นักเตะลงเล่นแมตช์สุดท้ายก่อนเข้ารายงานตัวทีมชาติ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่าง “สมาคมฟุตบอลประเทศนั้น” กับสโมสร ไม่ได้บังคับว่าต้องยืดหยุ่นเสมอไป
- สโมสรที่มีนักเตะแอฟริกันหลายคน มักต้องวางทีมล่วงหน้าเป็นเดือน เพื่อรับมือช่วงที่ตัวหลักหายไปทั้งกอง เช่น เคยเห็นหลายทีมต้องดันดาวรุ่งหรือปรับระบบการเล่นชั่วคราว
- ดราม่าระหว่างสโมสรกับทีมชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีกรณีนักเตะถูกกดดันทั้งสองฝั่ง บางคนถูกแฟนบอลด่าเพราะเลือกสโมสร บางคนถูกสโมสรไม่ปลื้มเพราะเลือกทีมชาติ จึงเป็นจุดที่นักเตะต้องบริหารหัวใจตัวเองให้ดี
แฟนผีและคอลูกหนังที่อยากตามทุกมุมดราม่าบอลยุโรป ดีลเดือด และประเด็นร้อนในวงการ อย่าลืมติดตามทุกความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM