วิกฤตฟิออเรนติน่า ดิ่งลงเหวทั้งผลงานและสภาพจิตใจ

สถานการณ์ของ ฟิออเรนติน่า ตอนนี้ เรียกได้ว่าเข้าโหมด “วิกฤตเต็มขั้น” แบบไม่ต้องมีเครื่องหมายคำถาม หลังบุกไปแพ้ โลซานน์-สปอร์ต์ 0-1 ในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก ทั้งที่รู้กันอยู่ว่าเกมนี้คือแมตช์สำคัญแบบเฮดทูเฮด เพราะก่อนแข่งมีแต้มห่างกันแค่แต้มเดียวในตารางคะแนน

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เสียหน้า แต่ยังทำให้ โลซานน์-สปอร์ต์ คว้าตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยตรง ส่วนฟิออเรนติน่า ต้องไปเหนื่อยต่อในรอบเพลย์ออฟ แม้จะยังดีที่ถูกจัดเป็นทีมวาง และจะไปรอพบผู้ชนะระหว่าง ยาเกลโลเนีย หรือ โอโมเนีย นิโคเซีย ก็ตาม แต่ภาพรวมของทีมในสนาม ทั้งความมุ่งมั่น ความดุดัน และความภูมิใจในตราสโมสร แทบมองไม่เห็นเลยในเกมนี้

เกมพังที่โลซานน์ – ภาพสะท้อนทีมที่ “ไม่กล้าเล่น”

กุนซือ พาโอลо วาโนลี ออกมายอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า เกมนี้เขาคาดหวังจะเห็น “ปฏิกิริยาโต้กลับ” จากบรรดานักเตะที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ลงเล่น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ฟอร์มในสนามดู “เบา” เกินไปแทบทั้งเกม แทบไม่มีจังหวะยิงแบบจัง ๆ ให้คู่แข่งต้องระทึก แถมยังเสียประตูจากเกมรับที่เปราะบางเกินมาตรฐานทีมใหญ่ของอิตาลี

วาโนลีชี้ว่า ทีมรู้ล่วงหน้าดีว่าต้องเล่นบนสนามหญ้าเทียมซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ควรเป็นข้ออ้าง เพราะในเกมระดับยุโรป นักเตะต้องปรับตัวให้ได้อยู่แล้ว สิ่งที่น่าห่วงที่สุดไม่ใช่สภาพสนาม แต่คือ “หัวใจ” และ “ทัศนคติ” ที่ดูเหมือนหายไปจากทีมชุดนี้อย่างชัดเจน

เข้าแคมป์ด่วนหลังแพ้เวโรนา แต่ทีมยังไม่สะดุ้ง

ก่อนเกมยุโรปนัดนี้ ฟิออเรนติน่าเพิ่งพังคาบ้านต่อ เวโรนา 1-2 ในศึก กัลโช่ เซเรียอา จนร่วงไปอยู่บ๊วยของตารางแบบเจ็บลึก สโมสรจึงตัดสินใจจับนักเตะเข้าแคมป์เก็บตัวทันที หวังใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบเข้มข้นเพื่อเขย่าทีมให้ตื่น

แต่ผลที่ออกมากับโลซานน์-สปอร์ต์ กลับชี้ชัดว่า “ยังไม่ตื่น” นักเตะหลายคนเล่นแบบกล้า ๆ กลัว ๆ จ่ายบอลง่ายยังผิด ความมั่นใจแทบไม่เหลือให้เห็น ซึ่งวาโนลีชี้ว่า นี่คือภารกิจสำคัญที่สุดในตอนนี้ – ต้องหาวิธีปลดล็อกสภาพจิตใจให้ได้โดยเร็ว

วาโนลีลั่นกลางกล้อง – ใครไม่สู้ เจอกันในตลาดมกราคม

ประโยคที่สะเทือนทั้งล็อกเกอร์รูมและแฟนบอลคือคำให้สัมภาษณ์ของวาโนลีที่ยอมรับแบบไม่อ้อมค้อมว่า

ถ้าเกมวันอาทิตย์นี้นักเตะยังไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ เราก็ยังมีทางเลือกใน ตลาดนักเตะเดือนมกราคม เราจะมองหน้าคนที่ไม่อยากสู้ แล้วเดินหน้าต่อโดยไม่มีพวกเขา

ชัดเจนว่ากุนซือรายนี้เริ่มหมดความอดทนกับทัศนคติบางคนในทีม และพร้อมใช้ “ไม้แข็ง” ในการเปลี่ยนโฉมทีม หากฟอร์มในสนามยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

รับผิดชอบเต็มตัว แต่ย้ำทีมต้องเปลี่ยนให้ได้

วาโนลีไม่ได้โยนความผิดให้ลูกทีมฝ่ายเดียว เขายืนยันว่าความรับผิดชอบหลักอยู่ที่ตัวเอง พร้อมยอมรับว่าตั้งแต่เข้ามารับงานต่อจาก สเตฟาโน่ ปิโอลี่ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ทีมยังไปไม่ถึงจุดที่คาดหวัง โดยผลงานตั้งแต่เข้ามาคุมทีมคือ ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 5 จากทุกรายการ

เขาชี้ว่า นักเตะ “กำลังพยายาม” แต่แรงกดดันทำให้หลายคนเล่นผิดง่าย ๆ แม้แต่จังหวะผ่านบอลพื้น ๆ ก็ยังมีให้เห็นว่าพลาดกันเองบ่อยครั้ง สิ่งที่กุนซือต้องทำตอนนี้คือ “หาสิ่งใหม่ ๆ” ปรับวิธีการเล่น ปรับระบบ หรือปรับตัวบุคคล เพื่อลดภาระในหัวนักเตะ และดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาให้ได้

ตัวเลขโหดร้าย สะท้อนวิกฤตม่วงมหากาฬ

หากมองทั้งฤดูกาล ตัวเลขของฟิออเรนติน่านั้นโหดร้ายเกินกว่าที่แฟนบอลจะรับได้ง่าย ๆ เพราะ

  • หากไม่นับรอบเพลย์ออฟกับโปลิสเซีย พวกเขาชนะเพียง 3 นัดในรายการยุโรป โดยมาจากเกมกับ ซิกม่า โอลอมูช, ราปิด เวียนนา และ ดินาโม เคียฟ
  • ขณะเดียวกันทีมแพ้ไปแล้วถึง 12 เกม รวมทุกรายการ เสมออีก 6 นัด ซึ่งสะท้อนทั้งปัญหาเกมรับ ความเปราะบางเวลาเจอสถานการณ์กดดัน และฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา

ความน่ากังวลที่สุดไม่ใช่แค่จำนวนเกมที่แพ้ แต่คือภาพรวมในสนามที่ดู “ไร้ความฮึกเหิม” มากกว่าฟิออเรนติน่าชุดไหน ๆ ที่เคยตกต่ำในอดีตด้วยซ้ำ

วาโนลีมองต่อ – ต้องเปลี่ยนแปลงและลงมือ ไม่ใช่พูดอย่างเดียว

วาโนลียอมรับว่าอาจต้อง “ปฏิวัติบางอย่าง” ในทีม ทั้งตัวผู้เล่นและรูปแบบการเล่น เพราะสิ่งที่ทำมาในตอนนี้ “ยังไม่เวิร์ก” ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น เขาย้ำว่า การเก็บตัวฝึกซ้อมแบบเข้มข้นช่วยให้ทุกคนได้นั่งคุยกัน เปิดใจ แลกเปลี่ยนมุมมอง แต่สุดท้าย “คำพูดอย่างเดียวไม่พอ”

สิ่งที่เขาต้องการเห็นจากนักเตะคือ การเปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำในสนาม ออกไปสู้ให้สมกับตราสโมสร และเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมาให้ได้ตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้

สรุป

ภาพรวมตอนนี้คือ ฟิออเรนติน่ากำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ – จะเลือกสู้แล้วกลับมา หรือปล่อยให้ทีมไหลลงเหวไปเรื่อย ๆ ตามแรงโน้มถ่วงของวิกฤต วาโนลีประกาศชัดแล้วว่า หากใครไม่อยากสู้ สโมสรพร้อมเดินหน้าต่อโดยไม่มีคน ๆ นั้น ส่วนแฟนบอลก็เตรียมลุ้นได้เลยว่า ช่วงต้นปีหน้าจะมีการ “เคลียร์ล็อกเกอร์รูม” ครั้งใหญ่แค่ไหน

สิ่งเดียวที่ยังเป็นความหวังคือศักยภาพที่มีอยู่ในทีม และโอกาสแก้ตัวในทั้งบอลลีกและบอลถ้วยยุโรป แต่ทั้งหมดจะไม่มีความหมายเลย หากนักเตะไม่ยอมลุกขึ้นมาสู้แบบกัดฟันในสนามจริง ๆ

เกล็ดความรู้

  1. วัฒนธรรมในยุโรป โดยเฉพาะทีมใหญ่ มักใช้ “ตลาดนักเตะเดือนมกราคม” เป็นจุดเปลี่ยนห้องแต่งตัว หากทีมฟอร์มแย่ต่อเนื่อง มักจะมีทั้งนักเตะถูกขายทิ้ง และตัวใหม่ที่เข้ามาเติมความสด
  2. การเข้าแคมป์เก็บตัว (Training Retreat) ไม่ได้มีแค่เรื่องแท็กติก แต่ยังเป็นการ “ล็อกทีม” ให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพื่อให้คุย เปิดใจ และเช็กสภาพจิตใจของนักเตะไปพร้อมกัน
  3. ทีมที่ผลการแข่งขันแย่ต่อเนื่อง มักมีผลทางจิตใจตามมา เช่น กลัวผิดพลาด เล่นแบบไม่กล้าเสี่ยง และจ่ายบอลง่าย ๆ พลาด ซึ่งโค้ชต้องแก้ด้วยทั้งวิธีซ้อมและการปลดล็อกความกดดันในหัว
  4. การใช้คำว่า “มองตาคนที่ไม่อยากสู้แล้วเดินต่อ” ของวาโนลี เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนถึงนักเตะว่า ชื่อเสียงในอดีตช่วยอะไรไม่ได้ หากวันนี้ไม่แสดงความทุ่มเทให้เห็นในสนาม

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งข่าวร้อน ตลาดนักเตะ และดราม่าขอบสนาม อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM