แมนฯ ซิตี้เริ่มขยับ เฝ้าจองตัวแทนเป๊ปหลังยุคทองใกล้ปิดฉาก

กระแสข่าวในอังกฤษเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดวิด ออร์นสตีน นักข่าวชื่อดังจากสำนัก ดิ แอธเลติก ออกมายืนยันผ่านรายงานและโพสต์บนโซเชียลว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า คือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังพิจารณาให้เข้ามารับตำแหน่งกุนซือใหญ่ หากถึงวันที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจอำลาถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม

แม้ในตอนนี้เป๊ปยังคุมทีมอยู่และยังเหลือสัญญายาวถึงปี 2027 แต่ฝั่งบอร์ดบริหาร “เรือใบสีฟ้า” ก็เริ่มวางหมากระยะยาว ตั้งโต๊ะลิสต์รายชื่อกุนซือที่มีดีเอ็นเอฟุตบอลเกมรุกใกล้เคียงกัน และชื่อของมาเรสก้า – อดีตมือขวาคู่ใจผู้ร่วมพาทีมคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” – ถูกดันขึ้นมาอยู่แถวบนสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ดราม่าฝั่งเชลซี – มาเรสก้าเริ่มไม่แฮปปี้กับบอร์ดบริหาร

ฝั่ง เชลซี เองก็ไม่ได้สงบสุขนัก เมื่อมาเรสก้าตกเป็นข่าวอย่างหนักหลังให้สัมภาษณ์กับสื่อแบบอารมณ์ขึ้น ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรอย่างที่ควรจะเป็น แม้เจ้าตัวจะไม่เอ่ยชื่อว่ามีปัญหากับบอร์ดคนไหน แต่โทนคำพูดก็ชัดเจนว่ามีความอึดอัดสะสม

การระเบิดอารมณ์ครั้งนั้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าอนาคตของกุนซืออิตาเลียนบนเก้าอี้สแตมฟอร์ด บริดจ์ เริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะเสียงจากเจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่ฟันธงแบบตรง ๆ ว่า มาเรสก้าอาจไม่ได้อยู่คุมทัพ “สิงห์บลูส์” ต่อในฤดูกาลหน้า หากผลงานและบรรยากาศภายในทีมไม่ดีขึ้น

ออร์นสตีนย้ำชัด – มาเรสก้าติดโผเต็งตัวแทนเป๊ป

รายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมจาก ออร์นสตีน ระบุชัดว่า บอร์ด แมนฯ ซิตี้ กำลังเร่งวางแผนระยะเปลี่ยนผ่านตำแหน่งกุนซือ และ เอ็นโซ่ มาเรสก้า อยู่ในกลุ่มตัวเลือกแรก ๆ พร้อมกับกุนซือรายอื่นที่มีสไตล์การเล่นสอดคล้องกับปรัชญาของสโมสร

ออร์นสตีนอธิบายว่า ซิตี้ไม่ได้มองหาแค่กุนซือที่มีชื่อเสียง แต่ต้องการคนที่เข้าใจโครงสร้างทีม, แท็กติกการขึ้นเกมจากหลัง, การเพรสซิ่งเชิงรุก และการใช้ผู้เล่นเทคนิคสูงในพื้นที่แคบ ซึ่งมาเรสก้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้มาแล้วในฐานะทีมสตาฟฟ์ช่วงฤดูกาลประวัติศาสตร์ที่สโมสรคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์”

สายสัมพันธ์เก่า – จากลูกทีมในสตาฟฟ์ เป๊ป สู่เป้าหมายคุมเรือใบเต็มตัว

ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2022/23 มาเรสก้าทำหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์โค้ชของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และมีบทบาทในการวางรูปแบบการซ้อม การไล่บีบพื้นที่ และการสร้างรูปแบบการเล่นจากแดนหลัง ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของปีประวัติศาสตร์ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หอบแชมป์สามรายการใหญ่ ทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

หลังประสบการณ์กับเรือใบสีฟ้า เขาเลือกออกไปพิสูจน์ตัวเองในบทบาทเฮดโค้ชกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และสร้างผลงานเด่นด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุด ก่อนจะถูกดึงตัวมารับงานใหญ่กับ เชลซี พร้อมสะสมโทรฟี่ในระดับสโมสรเพิ่มอีกสองรายการในเวลาไม่นาน

เส้นทางเหล่านี้ทำให้เขาไม่ใช่แค่ “อดีตผู้ช่วยของเป๊ป” แต่เป็นโค้ชสายยุคใหม่ที่เข้าใจทั้งจิตวิทยานักเตะและรายละเอียดเชิงแท็กติกแบบลึก ๆ

เชลซีควรรั้งหรือปล่อย? มุมมองกดดันทั้งสองฝั่ง

คำถามที่หลายคนเริ่มตั้งคือ เชลซีควรรั้งมาเรสก้าไว้หรือไม่ หากข้อเสนอจากซิตี้เดินหน้าจริง ๆ?

  • ในมุมหนึ่ง มาเรสก้าคือโปรเจ็กต์ระยะยาวของสิงห์บลูส์ การปล่อยเขาออกไปหมายถึงการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งแฟนบอลเชลซีเจอมาหลายรอบแล้วจากการเปลี่ยนกุนซือถี่เกินไป
  • อีกมุมหนึ่ง ถ้าบรรยากาศในสโมสรเริ่มไม่ลงล็อก ทั้งเรื่องการสนับสนุนจากบอร์ด, การเสริมทัพ และวิสัยทัศน์ระยะยาว การฝืนอยู่ร่วมกันก็อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย

ในขณะเดียวกัน สำหรับ แมนฯ ซิตี้ การดึงอดีตทีมงานที่รู้ระบบ รู้สภาพห้องแต่งตัว และเข้าใจแรงกดดันของการลุ้นแชมป์ทุกถ้วยในทุกปี อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการเริ่มต้นกับโค้ชที่ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศสโมสรจากด้านในมาก่อน

เป๊ปยังไม่ไปตอนนี้ แต่ต้องเริ่มวางหมาก

แม้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังมีสัญญาคุม “เรือใบสีฟ้า” ถึงปี 2027 และยังไม่มีการประกาศอำลาทีมอย่างเป็นทางการ แต่ในโลกฟุตบอลระดับท็อป การวางแผน “หลังเป๊ป” ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

  • ซิตี้ต้องการรักษาระดับการเล่นและความน่าเกรงขามใน พรีเมียร์ลีก
  • ต้องหาคนที่ไม่ใช่แค่พาทีมชนะ แต่ต้องรักษาเอกลักษณ์เกมรุกจัดจ้าน ครองบอลเหนือคู่แข่ง และพร้อมล่าแชมป์ยุโรปต่อเนื่อง
  • การมีตัวเลือกอย่างมาเรสก้าอยู่ในลิสต์ จึงสะท้อนว่าซิตี้ไม่ได้มองหาแค่ชื่อใหญ่ แต่ต้องเป็น “ส่วนต่อขยายของยุคเป๊ป” ในแบบที่เปลี่ยนตัวคนคุมเส้นข้างสนาม แต่ไม่เปลี่ยนดีเอ็นเอของทีม

เกล็ดความรู้: เบื้องหลังชื่อ มาเรสก้า บนเรดาร์เรือใบสีฟ้า

  1. มาเรสก้าเคยทำงานในฐานะมือขวาเป๊ปช่วงฤดูกาลทริปเปิ้ลแชมป์ ทำให้เข้าใจทั้งวิธีคิด, โครงสร้างการซ้อม และมาตรฐานที่ซิตี้ต้องการในทุกตำแหน่ง
  2. เส้นทางจากการขึ้นชั้นกับเลสเตอร์สู่การคุม เชลซี แสดงให้เห็นว่าบอร์ดสโมสรใหญ่เชื่อใน “สมองฟุตบอล” ของเขา ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงเก่าในฐานะนักเตะ
  3. สไตล์ฟุตบอลของมาเรสก้าเน้นการครองบอล, ต่อบอลจากแนวรับขึ้นไปสุดท้าย และใช้ผู้เล่นเทคนิคสูงในพื้นที่แคบ ใกล้เคียงกับหลักคิดที่เป๊ปสร้างไว้กับเรือใบ
  4. ความขัดแย้งหรือความอึดอัดระหว่างกุนซือกับบอร์ดบริหาร มักเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้โค้ชยอมเปลี่ยนทิศทางในอาชีพ แม้จะเพิ่งเริ่มโปรเจ็กต์กับสโมสรได้ไม่นานก็ตาม
  5. ในมุมของนักเตะ การเปลี่ยนกุนซือจาก “โปรเจ็กต์ระยะยาว” ไปสู่ช่วงรอยต่อ อาจมีผลต่ออนาคตหลายคน ทั้งเรื่องแท็กติก, บทบาท และโอกาสลงสนาม

แฟนบอลที่อยากตามทุกดราม่า ทั้งข่าวลือเปลี่ยนกุนซือ ตลาดซื้อขาย และมูฟใหญ่ของบิ๊กทีมยุโรป อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวเดือด ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM