ดราม่าระอุที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

ศึก ลาลีกา ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว ระหว่าง เรอัล มาดริด เปิดบ้านอัด เซบีย่า 2-0 ไม่ได้จบแค่ตัวเลขบนสกอร์บอร์ด แต่เต็มไปด้วยดราม่าร้อนฉ่ากับการทำหน้าที่ของ ผู้ตัดสิน อเลฆานโดร มูนญิซ เมื่อ มาติอัส อัลเมย์ดา นายใหญ่ทีมเยือนโดนใบแดงตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง จนเจ้าตัวระเบิดอารมณ์หลังเกมด้วยประโยคสะเทือนวงการ “ผมไม่ใช่ตัวตลกในคณะละครสัตว์” พร้อมเรียกร้องให้เปิดเสียงบทสนทนาระหว่างเขากับเชิ้ตดำให้แฟนบอลได้ฟังกันแบบชัด ๆ

ครึ่งแรกเจ้าถิ่นขึ้นนำจากประตูของ จู้ด เบลลิงแฮม ทำให้เซบีย่าต้องเป็นฝ่ายไล่ตาม แต่จุดเปลี่ยนสำคัญกลับไม่ได้เกิดในกรอบเขตโทษ ทว่าเกิดขึ้นข้างสนามจากอารมณ์เดือดของกุนซืออาร์เจนไตน์ที่มองว่าทีมตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม

จุดแตกหัก: ใบแดงอัลเมย์ดาในอุโมงค์

อัลเมย์ดาเริ่มถูกจับตามองตั้งแต่โดนใบเหลืองจากการประท้วงริมเส้นในช่วงครึ่งแรก แต่เรื่องกลับลุกลามต่อเนื่อง เมื่อระหว่างเดินเข้าห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่ง เขามีปากเสียงบางอย่างกับ มูนญิซ ในอุโมงค์ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามในทันที ส่งผลให้เขาต้องขึ้นไปชมเกมจากบนสแตนด์ ปล่อยให้ทีมงานสตาฟฟ์คุมต่อในครึ่งหลัง

หลังจบเกม อัลเมย์ดาเปิดใจในห้องแถลงข่าวแบบเผ็ดร้อน ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ใช้คำหยาบ ไม่ได้ด่าทอหรือดูหมิ่นผู้ตัดสินอย่างที่หลายคนอาจเข้าใจ เขาเน้นว่าตลอดเวลายัง “พูดด้วยความเคารพ” และมีพยานหลายคนสามารถยืนยันได้ จึงอยากให้สื่อและฝ่ายจัดการแข่งขันเปิดเสียงสนทนาในอุโมงค์เพื่อพิสูจน์ความจริงให้สังคมฟุตบอลได้ตัดสินด้วยตัวเอง

วิจารณ์หนักแต่ไม่โทษมาดริดได้ประโยชน์ตรง ๆ

อัลเมย์ดายอมรับตามตรงว่าใบแดงครั้งนี้ “เจ็บปวด” เพราะกระทบทั้งภาพลักษณ์ในฐานะโค้ชและในฐานะคนคนหนึ่ง เขาระบุชัดว่า “วันนี้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ได้แย่มาก” และนี่คือเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องออกมาพูด
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าตัวเองไม่ได้กล่าวหา เรอัล มาดริด ว่าได้ประโยชน์จากการตัดสินโดยตรง เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับมาตรฐานของเกมนี้ที่ทำให้บรรยากาศในสนามเสียหาย และพาทีมของเขาต้องเสียกุนซือไปตั้งแต่ยังไม่จบ 90 นาที

อัลเมย์ดายังทิ้งท้ายแบบดุเดือดว่า หากมีการกล่าวหาว่าเขาขาดความเคารพ ก็ขอให้เปิดเทปเสียงให้ชัดเจนไปเลยว่ามีคำไหนที่เป็นการล่วงเกิน เพราะในฐานะอดีตนักเตะระดับสูง เขามีทั้ง “ประวัติในฟุตบอล” และ “ประวัติในฐานะมนุษย์” ที่ต้องปกป้อง

ใบแดงมาร์เกา–จุดโทษเอ็มบัปเป้ เติมเชื้อไฟดราม่า

ในสนามก็ไม่แพ้ข้างสนาม เมื่อ มาร์เกา กองหลังเซบีย่า ถูกใบแดงไล่ออกในครึ่งหลัง ทำให้ทีมเยือนเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในช่วงสำคัญของเกม ก่อนที่ “ราชันชุดขาว” จะมาได้จุดโทษและเป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงฝังช่วงท้ายเกม
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ เอ็มบัปเป้เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เทียบสถิติการยิงประตูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ พร้อมจัดท่า “Siu” ฉลองอย่างสะใจ แต่ในเกมนี้ แสงสปอร์ตไลต์กลับหันไปจับที่ดราม่ากรรมการและใบแดงมากกว่าฟอร์มของเขา

ท้ายเกม มาดริดยังมาได้จุดโทษอีกครั้ง ทว่าถูก VAR ย้อนคำตัดสิน ทำให้เสียงวิจารณ์เรื่องมาตรฐานการเป่ายิ่งดังขึ้น แฟนบอลบางส่วนมองว่าหลายจังหวะไม่ชัดเจน ขณะที่ฝั่งเซบีย่าก็ยิ่งรู้สึกว่าทีมตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต่อเนื่อง

อลอนโซ่รับฟอร์มยังไม่สุด แม้ชนะสามนัดติด

ด้าน ชาบี อลอนโซ่ เฮดโค้ช เรอัล มาดริด แม้จะเก็บชัยในบ้านได้ตามเป้าหมาย และเป็นชัยชนะสามนัดติดในช่วงสัปดาห์เดียว แต่เจ้าตัวก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ฟอร์มของทีมยังไม่เข้าใกล้ระดับที่ต้องการ เขาชี้ว่าทีมมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บและติดโทษแบนรวมกันถึง 9–10 ราย ทำให้คุณภาพเกมในบางช่วงตกลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

อลอนโซ่ยังพูดถึงเสียงโห่ที่แฟนบอลบางส่วนส่งให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ตอนถูกเปลี่ยนตัวออกว่า เขาไม่ได้คุยเชิงลึกกับนักเตะเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่ากองเชียร์มีสิทธิ์แสดงออกตามความรู้สึก ส่วนทีมงานจะโฟกัสไปที่การวิเคราะห์เกม การจัดการแท็กติก และการยกระดับฟอร์มการเล่นให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มากกว่า

มาดริดไล่จี้บาร์ซ่า – เซบีย่าต้องกู้ศรัทธาด่วน

จากชัยชนะเกมนี้ เรอัล มาดริด ขยับขึ้นไปรั้งอันดับสองบนตาราง ลาลีกา ไล่หลังบาร์เซโลน่าเพียง 1 คะแนน ก่อนที่บาร์ซ่าจะลงสนามดวลบียาร์เรอัลในวันถัดมา ทำให้โค้งแรกของปี 2026 เปิดฉากได้อย่างเดือดตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนปี
ส่วนฝั่ง เซบีย่า ไม่ได้เสียแค่คะแนน แต่ยังต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งฟอร์มในสนามที่ยังไม่นิ่ง และดราม่านอกสนามที่เริ่มลุกลามไปถึงคำถามเรื่องมาตรฐานการตัดสินและการจัดการอารมณ์ในเกมใหญ่ หากไม่เร่งกู้ภาพลักษณ์และผลการแข่งขัน สถานการณ์ระยะยาวอาจยิ่งเปราะบางกว่านี้

เกล็ดความรู้จากดราม่ากรรมการในเกมใหญ่

  • หลายลีกใหญ่ในยุโรปเริ่มถกเถียงกันจริงจังเรื่อง “การเปิดเสียง VAR และเสียงสนทนาผู้ตัดสิน” เพื่อเพิ่มความโปร่งใส แต่ต้องบาลานซ์กับเรื่องความปลอดภัยและมารยาทของทุกฝ่าย
  • โค้ช–นักเตะในเกมระดับสูงถูกจับตาเรื่องพฤติกรรมข้างสนามอย่างเข้มงวด การประท้วงเกินเส้นหรือใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมมีโอกาสโดนใบเหลือง–ใบแดงได้ไม่ต่างจากฟาวล์หนักในสนาม
  • รางวัลแฟร์เพลย์ของบางสมาคม ไม่ได้สะท้อนแค่ “เล่นดีแค่ไหน” แต่สะท้อนวัฒนธรรมของสโมสร ว่ามีความเป็นมืออาชีพและเคารพจิตวิญญาณของเกมมากแค่ไหน

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ตั้งแต่ข่าวดราม่ากรรมการไปจนถึงวิเคราะห์เกมใหญ่แบบจัดเต็ม อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM