ชัยชนะ 2-1 ที่มากกว่าสกอร์บนกระดาน
ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ยืนยันชัด เกมที่ ยูเวนตุส เปิดบ้านเชือด โรม่า 2-1 ไม่ใช่แค่แมตช์เก็บสามแต้มธรรมดา แต่คือ “ชัยชนะสองชั้น” ทั้งในสนาม และในแง่การเรียนรู้แท็กติกจากคู่แข่งโดยตรง
ก่อนแข่ง ยูเวนตุสรู้ดีว่าหากแพ้จะโดนทิ้งห่างจากพื้นที่ท็อปโฟร์ถึง 7 คะแนน แต่พวกเขากลับกดดันตัวเองแล้วตอบสนองได้เยี่ยม จากประตูของ ฟรานซิสโก้ คอนเซเซา และ โลอิส โอเปนด้า ช่วยให้ทีมแซงชนะ 2-1 และขยับเข้าใกล้โรม่าเหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้สปัลเล็ตติหัวเสียที่สุดกลับไม่ใช่ฟอร์มเกมรุก แต่คือการปล่อยให้ ทอมมาโซ บัลดานซี่ หลุดมาซัดประตูตีไข่แตกที่เสาสองในช่วงท้าย ซึ่งต้นเหตุสำคัญมาจากจังหวะหลุดโซนของ เอดอน เชโกรว่า ทางฝั่งรับ
สปัลเล็ตติเปิดใจ: ฟุตบอลไม่ใช่กล่องเปล่าที่ใส่แค่ของที่ชอบ
หลังเกม กุนซือใหญ่ยูเว่พูดชัดเจนถึงมุมมองต่อเกมระดับ กัลโช่ เซเรีย อา ว่า ฟุตบอลไม่ได้มีแค่การโชว์ศักยภาพสวยหรู แต่ต้องกล้าทำในสิ่งที่ “ไม่ชอบแต่จำเป็น” เพื่อให้ทีมชนะ
เขายกตัวอย่าง อีห์ลดิซ ที่แม้จะเป็นตัวรุกพรสวรรค์สูง แต่ยอมลงมาช่วยไล่ ปิดพื้นที่ริมเส้นในครึ่งหลัง เพราะรู้ว่าการเจอทีมอย่างโรม่า ที่เล่นดุดัน ระเบียบแน่น และเติมเกมรุกจากวิงแบ็ก รวมถึงกองหลังตัวที่สาม ถ้าปีกไม่ช่วยไล่บอล ทีมจะโดนโถมใส่จนแตก
สปัลเล็ตติย้ำว่า นักเตะอย่างยิลดิซและคอนเซเซาเข้าใจบทบาท “ทำงานหนักเพื่อทีม” ไม่ใช่แค่รอเล่นกับบอลอย่างเดียว นี่คือรายละเอียดเล็ก ๆ ที่เขาเชื่อว่าทำให้ยูเวนตุสเริ่มกลายเป็นทีมที่สมดุลมากขึ้นทั้งรุกและรับ

เชโกรว่ากับจุดอ่อนเกมรับ: “พอให้วิ่งได้ แต่ให้ชนไม่ได้”
หนึ่งในประเด็นดุเดือดที่สุดคือคำให้สัมภาษณ์ของสปัลเล็ตติที่พูดถึง เชโกรว่า แบบตรง ๆ ว่าเป็นนักเตะที่ “เมื่อถึงเวลาต้องป้องกัน เขากลายเป็นของเหลว” คือยืนตำแหน่งได้ วิ่งไล่ได้ แต่ไม่เข้าไปชน ไม่ทำให้คู่แข่งรู้สึกว่าโดนบีบโดนกดดันจริง ๆ
เขายอมรับตามตรงว่า เชโกรว่า ไม่มีดีเอ็นเอเกมรับอยู่ในตัวมากนัก จุดแข็งคือการเลี้ยงลุยใส่แนวรับคู่แข่ง ถ้าให้เขาได้บอลแล้วหันหน้าเข้าหาประตู เขาอันตรายสุด ๆ แต่ถ้าเกมบังคับให้ต้องยืนต่ำ ปะทะหนัก ๆ ตรงนี้คือความเสี่ยงของทีม
ด้วยเหตุนี้สปัลเล็ตติจึงมองว่าหน้าที่ของเขาในฐานะโค้ช คือการจัดทีมและรูปเกมให้ เชโกรว่า ได้อยู่ในโซนที่ใช้ความสามารถเชิงรุกมากที่สุด ถ้าปรับไม่ได้ ทีมจะเปราะบางโดยไม่จำเป็น
ชื่นชมโรม่า: ทีมที่ “บดไม่หยุด” และสร้างคุกแท็กติกกลางสนาม
แม้จะชนะในบ้าน แต่สปัลเล็ตติไม่ลืมให้เครดิตทีมของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ที่ยืนคุมจังหวะได้ดีในครึ่งแรก ครองบอลได้นาน และกดให้ยูเวนตุสเสียพลังไปกับการไล่บอล เขาบอกว่า โรม่าเป็นทีมที่ “บดแล้วบดอีก” ขณะที่ยูเว่ยังมีช่วงหลุดสมาธิ เสียบอลง่าย และปล่อยให้คู่แข่งโยกบอลจากซ้ายไปขวาได้มากเกินไป
เขายังอธิบายสไตล์ของทีมกาสเปรินี่ว่า เหมือนสร้าง “คุกขนาดย่อม” ในสนาม มีผู้เล่นคอยวิ่งไล่เคลื่อนที่ตลอดเวลา ทำให้คู่แข่งรู้สึกเหมือนมีคนประกบติดหลังอยู่ตลอด 90 นาที หากทีมของเขาไม่สามารถบีบให้โรม่าเล่นไปในทิศทางที่ต้องการได้ ก็ต้องวิ่งไล่จนหมดแรง แถมเสียโอกาสโต้กลับเร็วหลายจังหวะ ทั้งที่มีช่องให้เล่น

ยูเวนตุสกำลังเข้าที่: สถิติชี้ชัดทีมเริ่มหิวชัยชนะอีกครั้ง
ชัยชนะนัดนี้ทำให้แฟนบอลม้าลายเริ่มมองเห็นเค้าโครงของทีมภายใต้สปัลเล็ตติชัดเจนขึ้น เพราะนี่คือการคว้าชัยในเกมใหญ่สองนัดติด หลังเพิ่งบุกคว่ำโบโลญญาที่สตาดิโอ ดัลลาร่า 1-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน
ภาพรวมช่วงหลัง ยูเวนตุสชนะถึง 6 จาก 7 นัดหลังสุดในทุกรายการ แพ้แค่ นาโปลี ทีมเดียว ถือเป็นสัญญาณว่าทีมกำลังกลับมาอยู่ในโหมด “ต่อสู้เพื่อเป้าหมายใหญ่” อีกครั้ง ทั้งในแง่ความมั่นใจและสภาพจิตใจที่ไม่ยอมถอยง่าย ๆ
เกมนี้ยังได้เห็น เกลสัน เบรเมอร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลัก กลับมาสตาร์ตตัวจริงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่บาดเจ็บหมอนรองกระดูกหัวเข่าเมื่อปลายเดือนกันยายน แม้ท้ายเกมเขาและคอนเซเซาจะมีปัญหากล้ามเนื้อเล็กน้อยจนถูกถอดออก แต่ในภาพรวมถือเป็นข่าวดีที่แนวรับคนสำคัญเริ่มกลับมาสู่จังหวะของตัวเอง
โอกาสลุ้นพื้นที่บนตาราง และคำตอบแบบกัด ๆ สไตล์สปัลเล็ตติ
เมื่อถูกถามตรง ๆ ว่า โปรแกรมที่ไม่มี “เกมใหญ่ชนหัวตาราง” เหลืออยู่มากแล้ว จะกลายเป็นโอกาสให้ยูเวนตุสไล่จี้หัวตารางหรือไม่ สปัลเล็ตติตอบแบบติดอารมณ์ขันว่า “ผมอยากกัดคุณเลยเวลาโดนถามแบบนี้” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าในมุมของเขา ไม่มีคำว่าเกมง่ายในลีก ทุกนัดคือบททดสอบจริง
เขาอธิบายต่อว่า แน่นอนว่า การชนะทีมใหญ่อย่างโรม่า หรือคู่แข่งโดยตรงในกลุ่มท็อปโฟร์ คือ “ชัยชนะสองชั้น” เพราะนอกจากจะได้แต้ม ยังได้บทเรียนจากสิ่งที่คู่แข่งทำใส่เรา และได้ความเชื่อมั่นว่า ยูเวนตุสยังยืนระยะได้กับทีมระดับหัวตารางทุกทีม
เป้าหมายต่อจากนี้ของเขาและลูกทีมคือ “ไล่เอาคะแนนที่เคยทำหล่นไปกลับคืนมาให้มากที่สุด” และไม่ปล่อยให้ผลงานสะดุดเหมือนช่วงต้นฤดูกาลอีก

สรุปภาพรวม: ยูเว่ยุคสปัลเล็ตติ เริ่มแข็งทั้งใจและแท็กติก
จากภาพรวมทั้งหมด นี่ไม่ใช่แค่เกมที่ยูเวนตุสชนะด้วยสกอร์ 2-1 แต่คือเกมที่สะท้อนว่า ทีมกำลังพัฒนาขึ้นในหลายมิติ
- เกมรุกมีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งโอเปนด้า คอนเซเซา และยิลดิซ
- เกมรับยังมีจุดเปราะบางให้ต้องแก้ โดยเฉพาะวินัยของแนวรุกฝั่งปีกในการช่วยป้องกัน
- แท็กติกของสปัลเล็ตติชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เน้นความสมดุลและความทุ่มเททั้งทีม
- ผลงานล่าสุดและฟอร์มการเล่นทำให้แฟนบอลมีสิทธิ์หวังกับการไล่ล่าพื้นที่บนหัวตารางแบบจริงจัง
ในมุมของโค้ช การได้เจอทีมอย่างโรม่าแล้ว “เอาชนะ พร้อมเก็บบทเรียนกลับไปพัฒนาทีม” คือสิ่งที่เขาเรียกว่า “ดาบสองคมที่แทงเข้าเป้า” ทั้งในสนามและในห้องแต่งตัว
เกล็ดความรู้จากเกมเดือดยูเวนตุส–โรม่า
- การป้องกันเสาสองเป็นหนึ่งในรายละเอียดที่โค้ชชั้นนำให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะมักเป็นจุดที่แนวรับหลุดสมาธิในช่วงท้ายเกม
- ปีกสมัยใหม่ในฟุตบอลยุโรป ไม่ได้ถูกมองแค่เรื่องการดวลตัวต่อตัวหรือแอสซิสต์ แต่ถูกวัดจากระยะวิ่ง เกมเพรสซิ่ง และการช่วยปิดพื้นที่เกมรับด้วย
- ทีมที่ “ได้ทั้งแต้มและบทเรียน” จากเกมใหญ่ มักจะไต่อันดับในตารางได้อย่างต่อเนื่อง เพราะความมั่นใจและความเข้าใจเกมจะเติบโตไปพร้อมกัน
แฟนบอลที่อยากอินทุกจังหวะของ ฟุตบอลอิตาลี ตั้งแต่ดราม่ากุนซือเดือด ไปจนถึงแท็กติกจัดเต็มของทีมใหญ่ อย่าลืมติดตามข่าวเด็ด วิเคราะห์ลึก และเรื่องมันส์ ๆ จากโลกลูกหนังได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM