บรูโน่หาย = แมนยูเสียแกนหลักของทีมแบบเต็มๆ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเจอปัญหาที่แทบไม่เคยต้องรับมือมาก่อนในรอบหลายปี และคราวนี้มันตกอยู่บนบ่าของ รูเบน อโมริม แบบตรงๆ นั่นคือ “จะจัดทีมยังไงเมื่อไม่มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส?”

เพราะจอมทัพชาวโปรตุเกสไม่ได้เป็นแค่กัปตันทีม แต่คือศูนย์กลางการขับเคลื่อนของ “ปีศาจแดง” เป็นคนคุมจังหวะ เป็นคนสร้างโอกาส เป็นคนจ่ายคิลเลอร์พาส และเป็นคนที่ยืนระยะลงสนามได้แบบโคตรอึด จนแฟนบอลแทบชินตาว่าไม่ว่าเกมไหน บรูโน่ก็ต้องอยู่ในทีม

สถิติความอึดระดับสัตว์ประหลาด: แทบไม่เคยพลาดเกมตั้งแต่ปี 2020

นับตั้งแต่ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อเดือนมกราคม 2020 บรูโน่แทบไม่พลาดการลงเล่นเลย เขาพลาดลงสนามเพียง 2 นัดในช่วงท้ายฤดูกาล 2023/24 เพราะปัญหาหัวเข่า และอีก 1 นัดจากอาการป่วย นอกนั้นคืออยู่ในทีมแทบทุกเกมแบบ “ไม่มีวันพัก”

ผลงานก็หนักแน่นสมตำแหน่งหัวใจทีม—ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดไปแล้ว 308 นัด ทำได้ 103 ประตู กับ 93 แอสซิสต์ ตัวเลขนี้ไม่ได้แค่สวย แต่มันตอกย้ำว่าเมื่อทีมต้องการประตู ต้องการทางออก หรือกำลังติดหล่ม คนที่ถูกมองหาก่อนเสมอคือบรูโน่

พักนานแค่ไหนยังไม่ชัวร์ แต่ข่าวลือ 1 เดือนคือฝันร้ายของผีแดง

ตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ยืนยันชัดว่า บรูโน่ต้องพักนานเท่าไร แต่สื่อหลายสำนักรายงานว่ามีโอกาสต้องพักฟื้นราว 1 เดือน และนี่คือช่วงเวลาที่ “อันตรายจัด” เพราะทีมไม่ได้เสียแค่บรูโน่คนเดียว

ช่วงเดียวกันนี้ แมนยูยังขาด ไบรอัน เอ็มเบอโม่, อาหมัด ดิยัลโล่ และ นุสแซร์ มาซราวี ที่ติดภารกิจทีมชาติในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เรียกว่าขาดทั้งตัวปั้นเกม ขาดสปีด ขาดตัวเปลี่ยนเกม และขาดกำลังสำคัญไปพร้อมกัน

ข่าวดีเล็กๆ ของอโมริม: กาเซมีโร่พ้นแบนกลับมาได้ทัน

อย่างน้อยอโมริมยังพอมีแสงสว่างจากการที่ กาเซมีโร่ พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ หลังพลาดเกมแพ้แอสตัน วิลล่า 1-2 เพราะสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบในซีซั่นนี้

มิดฟิลด์บราซิเลียนรายนี้ถือว่าเล่นเข้าขากับบรูโน่ในฤดูกาลนี้พอสมควร และเมื่อบรูโน่หายไป กาเซมีโร่ก็ยิ่งต้องรับบท “กองกลางเชิงรับ” แบบหนักขึ้น เพื่อให้ทีมยังมีสมดุล ไม่โดนสวนแล้วไส้แตกง่ายๆ เหมือนหลายเกมที่ผ่านมา

แต่คำถามใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาทันทีคือ… แล้ว “คู่หู” ของกาเซมีโร่คือใคร?

เมนูเจ็บผิดจังหวะ: โอกาสมาแล้วแต่เจ้าตัวไม่พร้อม

สถานการณ์ของ ค็อบบี้ เมนู ยิ่งเหมือนซ้ำเติม เพราะอาการบาดเจ็บของเขาเกิดขึ้นในจังหวะที่เลวร้ายสุดๆ ดาวเตะวัย 20 ปีนั่งสำรองมาตลอดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล และพอถึงช่วงที่ทีมต้องการมิดฟิลด์เพิ่ม โอกาสเริ่มเปิด—เขาดันไม่พร้อมลงสนาม และยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันเกมพบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หรือไม่

นี่แหละคือ “ปัญหาความต่อเนื่อง” ที่ทำให้แมนยูต้องยืนอยู่กับคำว่า ตัวเลือกน้อย แบบจริงจัง

เหลือแค่ 3 คนที่ฟิต: กาเซมีโร่, อูการ์เต้, เมาท์

เมื่อมองภาพรวมตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือกองกลางทีมชุดใหญ่ที่ฟิตพร้อมลงสนามเพียง 3 คนเท่านั้น คือ กาเซมีโร่, มานูเอล อูการ์เต้ และ เมสัน เมาท์

การเลือกสองจากสามคนนี้ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงมันมี “กับดัก” อยู่เต็มไปหมด เพราะแต่ละคนมีข้อดีข้อเสียต่างกัน และสำคัญที่สุดคือ “ไม่มีใครแทนบรูโน่ได้แบบ 100%”

เมาท์: ตัวแทนเบอร์ 10 ที่ใกล้เคียงที่สุดในระบบ 3-4-2-1

ถ้าพูดถึงคนที่มีคาแรกเตอร์ใกล้บรูโน่ที่สุด เมาท์คือคำตอบที่ดูสมเหตุสมผลสุด อดีตแข้งเชลซีมักถูกใช้งานในตำแหน่งหนึ่งในหมายเลข 10 ภายใต้ระบบ 3-4-2-1 ของอโมริม และยังสามารถถอยลงมาเล่นมิดฟิลด์ได้ด้วย

จุดเด่นของเมาท์คือมีสัญชาตญาณเกมรุก เติมขึ้นหน้าได้ดี และช่วยเชื่อมเกมในพื้นที่อันตรายได้ แต่สิ่งที่ทีมต้องการคือ “ความต่อเนื่อง” และ “อิมแพ็กต์” ซึ่งเมาท์ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาจะพาทีมเดินหน้าได้จริง ไม่ใช่แค่ลงไปประคองเกมเฉยๆ

อูการ์เต้: ดีล 50 ล้านปอนด์ที่ยังไม่ตอบโจทย์ และตัวเลขที่ชวนช็อก

ฝั่งอูการ์เต้ นี่คือชื่อที่ถูกพูดถึงแบบหนักหน่วง เพราะแม้จะย้ายมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) จากปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 แต่กลับกลายเป็นดีลที่น่าผิดหวังในแง่บทบาทเกมรุก เขาขาดสัญชาตญาณการพาบอลขึ้นหน้าและการสร้างสรรค์โอกาส

ที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือแมนฯ ยูไนเต็ด “ไม่ชนะเลย” ในเกมลีก 9 นัดหลังสุดที่อูการ์เต้ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง มันเป็นสถิติที่กดดันทั้งนักเตะและโค้ช เพราะแฟนบอลจะถามทันทีว่า ถ้าลงแล้วทีมไม่ชนะ จะยืนตัวจริงไปเพื่ออะไร?

มาร์ตีเนซถูกดันเล่นกลางแล้วเวิร์ก…แต่ไม่ใช่คำตอบถาวร

ในเกมกับแอสตัน วิลล่า อโมริมเคยแก้เกมด้วยการส่ง ลีซานโดร มาร์ตีเนซ ลงไปเล่นมิดฟิลด์ช่วงครึ่งหลัง และแนวรับอาร์เจนไตน์ทำได้ดีเยี่ยมจนหลายคนเริ่มคิดว่า “เออ…มันได้แฮะ”

แต่ในระยะยาว เขาไม่ใช่ตัวแทนที่เหมาะสม และไม่สามารถยืนเล่นคู่กับกาเซมีโร่ได้จริงจัง ทางเลือกที่เป็นไปได้มากกว่าคือการถอยกลับไปยืนแนวรับ และแทนที่ตำแหน่งของ อายเด้น เฮฟเว่น มากกว่า

ทางเลือกสุดท้าย: ดันเด็กอะคาเดมี่ขึ้นมา “แก้ขัด” และอาจเป็นตัวเปลี่ยนเรื่อง

เมื่อทีมติดมุม อโมริมก็มีแผนสำรองที่ชัดเจนคือ “ใช้งานดาวรุ่ง” เพราะในเกมแพ้วิลล่า เขาให้โอกาสสองเด็กปั้นอย่าง แจ็ค เฟล็ทเชอร์ และ เช เลซี่ย์ ได้ลงสนาม

เลซี่ย์เป็นแนวรุกริมเส้นที่โชว์แววด้วยการลากตัดจากฝั่งขวาเข้าในก่อนยิงด้วยซ้าย แต่บอลไปตรงตัว เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ส่วนเฟล็ทเชอร์ ลูกชายของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ตำนานมิดฟิลด์แมนยู เป็นกองกลางตัวกลางที่มีโอกาสได้ลงมากขึ้นในเกมถัดๆ ไป หากสถานการณ์มิดฟิลด์ยังตึงแบบนี้

สรุป: แมนยูต้อง “เปลี่ยนวิธีเล่น” ไม่ใช่แค่เปลี่ยนคน

ปัญหาของแมนยูในช่วงไร้บรูโน่ ไม่ใช่แค่หาคนลงแทน แต่คือการหาวิธีให้ทีมยัง “สร้างโอกาส” และ “คุมเกม” ได้ในระดับใกล้เคียงเดิม ซึ่งมันยากมาก เพราะบรูโน่คือคนที่ทำหลายอย่างในคนเดียว

อโมริมมีตัวเลือกจำกัดจริงๆ—เมาท์คือทางเลือกที่ใกล้เคียงที่สุดในบทบาทเบอร์ 10, อูการ์เต้คือทางเลือกที่ต้องชั่งใจเพราะสถิติกดดัน, กาเซมีโร่ต้องแบกเกมรับหนักขึ้น และถ้าทุกอย่างไม่ลงตัว การดันเด็กขึ้นมาคือไพ่ใบสุดท้ายที่อาจกลายเป็นเรื่องดีแบบไม่คาดคิด

เกล็ดความรู้

  • ผู้เล่นประเภท “เพลย์เมกเกอร์” มักทดแทนยากที่สุด เพราะไม่ได้มีแค่การจ่ายบอล แต่รวมถึงการคุมจังหวะและการตัดสินใจในช่วงสำคัญ
  • ระบบ 3-4-2-1 ต้องพึ่งผู้เล่นหมายเลข 10 ที่สร้างสรรค์โอกาสได้ หากขาดคนปั้นเกม ทีมจะกลายเป็นบอลด้านข้างและจบไม่คม
  • การดันดาวรุ่งขึ้นช่วงวิกฤตอาจได้ “พลังความกล้า” แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงเรื่องประสบการณ์และความนิ่งในเกมใหญ่

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะเดือดๆ ของแมนยูและข่าวบอลเข้มๆ แบบถึงเครื่อง อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM ด้วยค่ะ