ปลายปีนี้ถึงเวลาสรุป…ใครคือคนที่ “พาเกมไปข้างหน้า” จริงๆ

เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี บรรยากาศในวงการฟุตบอลมันเหมาะเหลือเกินกับการ “นับแต้มผลงาน” แบบไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะบางคนอาจดังด้วยชื่อเสียง แต่บางคนต่างหากที่ลงสนามแล้วทำให้เกมพลิกแบบตาเปล่าเห็น

นี่คือการคัดเลือกของ OneFootball Awards ที่ยก “OneFootball Award” ให้กับผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดใน กัลโช่ เซเรีย อา ตลอดปี 2025 โดยเน้นผลงานรายบุคคลแบบชัดๆ ว่าใครคือคนที่ยิงก็ได้ จ่ายก็เป็น และแบกทีมได้ในโมงยามคับขัน

และสำหรับคอบอลที่อยากดูบอลสดแบบจัดเต็ม OneFootball ยังโปรโมตการรับชม Serie BKT แบบสดๆ ผ่านแพ็กเกจรายเดือน 9.99 ยูโร พร้อมเงื่อนไข “ซื้อแล้วจบ” ไม่มีต่ออัตโนมัติ

โหวตอันดับ 1: คริสเตียน พูลิซิช (Alessandro De Felice) – เกมชี้ชะตาอยู่ที่เท้าคนนี้

แม้ภาพรวมฤดูกาล 2024/25 จะมีชื่อ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ในฐานะ MVP ที่หลายคนยอมรับกัน แต่ถ้าพูดถึง “ตัวเปลี่ยนเกม” แบบครบเครื่องที่สุดในปีปฏิทิน 2025 พูลิซิชถูกยกให้โดดเด่นสุดจากทุกมุม

เขาทำ 18 ประตูตลอดปี พร้อม 16 แอสซิสต์ และไม่ใช่สถิติเอาเท่…เพราะหลายลูกเป็นประตูสำคัญตั้งแต่เส้นทางสู่แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์คัพ ไปจนถึงเกมที่มีผลต่อการลุ้นพื้นที่หัวตาราง

ที่เดือดกว่านั้นคือ “แต้มที่เกิดจากผลงานเขา” พูลิซิชมีส่วนทำให้เอซี มิลานได้ถึง 17 แต้มในลีกฤดูกาลล่าสุดจากจังหวะยิง/จ่ายที่เป็นตัวตัดสินเกม (รวมถึงยังมีประตูและแอสซิสต์ในเกมที่ผลงานไม่ได้ชี้ขาดอย่างเจอเวเนเซียและอูดิเนเซด้วย) บวกอีก 2 ประตูในเกมซูเปอร์คัพที่พาทีมเถลิงแชมป์

และซีซั่นนี้ เขายังมีส่วนโดยตรงกับแต้มอีก 15 แต้ม รวมถึงชัยชนะเหนือทีมระดับคู่แข่งอย่างนาโปลีและอินเตอร์ ชัดเจนว่า นี่คือคนที่ทำให้ “มิลานฝันถึงสคูเด็ตโต้” ได้แบบไม่ขายฝัน และเป็นอาวุธลับที่ทำให้แผนของอัลเลกรีมีเขี้ยวเล็บจริง

โหวตอันดับ 2: สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ (Alessio D’Errico) – 6 เดือนแรกโหดเกินกองกลาง

ครึ่งแรกของปี 2025 เป็นช่วงเวลาที่แม็คโทมิเนย์ “โคตรสำคัญ” จนมองข้ามไม่ได้ แม้ครึ่งหลังจะกลับมาอยู่ในโหมดปกติมากขึ้น แต่สิ่งที่เขาทำไว้ในช่วง 6 เดือนแรก คือรอยประทับบนเส้นทางสคูเด็ตโต้ของนาโปลีแบบหนักแน่น

ยามที่ทีมเริ่มหมดแรงในช่วงท้าย เขากลายเป็นทั้งผู้นำทั้งในเชิงเทคนิคและคาริสมา แถมยังเป็นคนยิงประตูแบบไม่รู้จักเหนื่อย จนทำให้หลายเกมที่นาโปลีกำลังจะหลุดมือ กลับถูกดึงกลับมาได้ด้วยพลังของกองกลางที่เหมือน “เล่นผิดตำแหน่ง แต่ถูกเวลา” ตลอด

โหวตอันดับ 3: ไมล์ สวิลาร์ (Diego D’Avanzo) – นายด่านที่เซฟแต้มให้โรม่าแบบมีตัวเลขยืนยัน

ทีมที่เก็บแต้มได้มากที่สุดตลอดปีปฏิทินคือโรมา และหลายคนพูดถึงแรงกระเพื่อมจากกุนซือหรือแนวทางเกม แต่สิ่งที่เป็น “ค่าคงที่” ของทีม คือความไว้ใจได้ของสวิลาร์

ตัวเลขมันฟ้องชัด ฤดูกาลลีกล่าสุด เขาเจอค่า xG ที่ควรเสีย 42.5 ประตู แต่เสียจริงแค่ 35 ประตู เท่ากับเซฟไป 7.5 ประตูในลีกแบบเป็นรูปธรรม

ซีซั่นนี้ยิ่งโหดกว่าในทุกรายการ: xG ที่ควรเสีย 18.6 แต่เสียจริงแค่ 13 ประตู เขาไม่ใช่แค่นายด่านที่มือกาว แต่เป็นผู้นำเงียบๆ ที่ยืนเฉยๆ ก็ทำให้แนวรับรู้สึก “มีที่พึ่ง” จนคนดูต้องนึกคำเดียว: ออร่า

โหวตอันดับ 4: แม็คโทมิเนย์ (Emanuele Garbato) – จาก box-to-box สู่คนทำทุกอย่างได้

มุมนี้ยกให้แม็คโทมิเนย์แบบ “เกินคาด” เพราะตอนย้ายมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาถูกมองว่าเป็นกองกลางพลังงานสูง เติมไปยิงได้เป็นพักๆ แต่พอเข้าสู่ปี 2025 แล้วนาโปลีขายควิช่าโดยไม่หาตัวแทน กลายเป็นว่าเวทมนตร์เกิดขึ้น

เขายิงเป็นชุดๆ และยังแปลงร่างเป็นเพลย์เมกเกอร์ในตัวเองได้อีก ทั้งเล่นออกกว้าง ลากเลื้อย รับหน้าที่ลูกนิ่ง ดึงบอลสำคัญเข้าหาตัว จนลูกกรรไกรแชมป์สคูเด็ตโต้ใส่กายารี่ถูกยกเป็น “ภาพจำตลอดกาล” ของนักเตะที่สั่งให้ทำอะไร ก็ทำได้หมด

พอเปิดฤดูกาลใหม่ มีการเสริมคุณภาพในแดนกลางจนเขาต้องถูกโยกไปยืนกึ่งปีกซ้าย แถมเจ็บจนพลาดปรีซีซั่นทำให้ฟอร์มสะดุด แต่เมื่อเพื่อนร่วมทีมเจ็บ เขากลับมายืนกลางแล้วกลายเป็นคนเดิมทันที กระทั่งมีช่วงที่ทีมขาดแคลนมิดฟิลด์ โค้ชต้องให้เขาลงไปยืนในแดนกลางสองคน รับงานหนัก งานแท็กติกซับซ้อน และลดความอยากยิง…เขาก็ยังทำได้เหมือนเป็นเรื่องง่าย นี่คือความเป็น “นักเตะสมบูรณ์แบบ” ที่กวาดทั้งลีกด้วยพายุลูกเดียว

โหวตอันดับ 5: Frank Zambo Anguissa (Marco Alessandri) – เงียบแต่โคตรมีผล

ถ้าจะพูดตามตรง คนส่วนใหญ่แทบไม่สงสัยว่าใครคือผู้เล่นแห่งปี แต่ถ้าต้องเลือกคนอื่นที่คู่ควร คนนี้คือคำตอบ

กองกลางทีมชาติแคเมอรูนมีส่วนช่วยนาโปลีคว้าสคูเด็ตโต้ด้วย 6 ประตู 5 แอสซิสต์ และสิ่งที่น่าสนใจคือ “การยืนยันตัวเอง” ที่มักยากกว่าการแจ้งเกิด

ในขณะที่บางคนฟอร์มดรอปตามกฎธรรมชาติของฟุตบอล แต่อองกิสซ่ากลับเหมือนจะยกระดับตัวเองได้ด้วยซ้ำ ฤดูกาลก่อนยิง 6 ลูกจาก 35 นัด แต่ฤดูกาลนี้ยิงไปแล้ว 4 ลูกจาก 11 เกม แค่ตัวเลขก็พอทำให้คู่แข่งต้องระวังทุกครั้งที่เขาเติมขึ้นมา

โหวตอันดับ 6: Tijjani Reijnders (Matteo Rimoldi) – คนที่ยืนกลางให้มิลาน “มีทิศทาง”

ในมิลานที่ผ่านช่วงสั่นคลอนหลังยุคปิโอลี ไรจ์นเดอร์สกลายเป็นจุดอ้างอิงของแดนกลางแบบไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าคุมทีมด้วยใคร เขายังรักษาความนิ่งและคุณภาพได้ตลอดปี 2025

เขาถูกยกเป็นความแน่นอนของทีม ก่อนผลงานจะพาไปสู่การย้ายทีมระดับ 60 ล้านยูโรไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสิ่งที่ทำให้ปีนี้ถูกเรียกว่า “ปีในฝัน” คือการยิงถึง 15 ประตูในฐานะกองกลาง ตัวเลขแบบนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในยุคที่เกมรับแน่นทุกทีม

การถูกยกให้เป็น MVP แดนกลางเหนือชื่อระดับท็อปหลายคน คือเครื่องหมายรับรองว่าเขาไม่ได้เด่นเพราะกระแส แต่เด่นเพราะมาตรฐานที่จับต้องได้

โหวตอันดับ 7: แม็คโทมิเนย์ (Vincenzo Visco) – ต่อให้ไม่พีค ก็ยัง “ทับ” เกมได้

อีกเสียงที่ยืนยันความเดือดของแม็คโทมิเนย์คือ ต่อให้ช่วงท้ายฤดูกาลเขาไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด แต่ผลกระทบที่เขามีต่อทีมยังชัดทุกนัด

การวิ่งสอดที่แม่นยำ ประตูสำคัญที่มาถูกเวลา ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และความเป็นผู้นำในสนาม ทำให้เขากลายเป็นคนที่ “เอียงเกม” เข้าฝั่งนาโปลีได้บ่อยครั้ง ต่อให้วันไหนไม่ยิงไม่จ่าย แค่การยืนตำแหน่งและเล่นด้วยความเข้ม ก็ทำให้เกมของคู่แข่งยากขึ้นทันที

โหวตอันดับ 8: พูลิซิช (Damiano Benzoni) – อัลเลกรีปลดล็อก โหดด้วย “ความคม”

เสียงนี้ตอกย้ำว่า พูลิซิชไม่ได้เก่งแค่เล่นดี แต่เก่งเพราะถูกใช้งาน “ถูกจุด” ด้วย

จากเดิมที่เห็นคุณภาพมาตั้งแต่สองปีแรกกับมิลาน สิ่งที่ไม่คาดคือภายใต้ยุคอัลเลกรี เขายกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะการขยับบทบาทจากริมเส้นเข้ามาอยู่กลางเกมรุก ทำให้ความอันตรายเพิ่มแบบทวีคูณ

อัลเลกรีเลือก “ลดภาระใน build-up” เพื่อชูความคมหน้าประตู และได้ผลตอบแทนสุดโหด: เขายิง 7 ประตูจากโอกาสยิงเพียง 14 ครั้ง แถมเป็นผลงานที่หนักแน่นในเกมใหญ่ เพราะเขามีส่วนร่วมกับทั้ง 3 ประตูในเกมชนะคู่แข่งโดยตรงอย่างนาโปลีและอินเตอร์ ด้วยผลงาน 2 ประตู 1 แอสซิสต์

หมายเหตุจากต้นฉบับ

บทความต้นทางถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ และมีเวอร์ชันอิตาเลียนต้นฉบับแยกต่างหาก

สรุป

OneFootball Awards รวบรวมเสียงโหวตนักเขียนหลายคนก่อนเลือกผู้เล่นเด่นที่สุดของเซเรียอาตลอดปี 2025 โดยชื่อที่ถูกยกหนักสุดคือพูลิซิชจากมิลาน ด้วยผลงานทั้งยิงและจ่ายระดับตัวตัดสินเกม ขณะที่แม็คโทมิเนย์ได้รับการชื่นชมหลายมุมจากฤดูกาลที่แบกนาโปลีไว้ช่วงสำคัญ ด้านสวิลาร์ถูกยกเป็นผู้เล่นที่ไม่ใช่กองหน้าที่มีความ “ชี้ขาด” สูงสุดจากสถิติการเซฟเหนือค่า xG ส่วนอองกิสซ่าและไรจ์นเดอร์สถูกชี้ว่าเป็นหัวใจแดนกลางที่ทำให้ทีมเดินหน้าได้จริง

เกล็ดความรู้

  • สถิติ xG (Expected Goals) ช่วยวัด “ความยากง่ายของโอกาสยิง” ทำให้เห็นว่าผู้รักษาประตูเซฟได้เกินมาตรฐานหรือไม่
  • นักเตะที่เป็น “ตัวตัดสินเกม” ไม่ได้วัดแค่จำนวนประตู แต่รวมถึงจังหวะยิง/จ่ายที่ทำให้ทีมได้แต้มจริง
  • กองกลางที่ยิงแตะหลัก 10+ ต่อปีในลีกใหญ่ มักถูกมองว่าเป็นผู้เล่นที่เปลี่ยนสมดุลเกมรุกได้ทั้งระบบ
  • การยืนตำแหน่งและคุมจังหวะเกมในนัดใหญ่ บางครั้งมีค่ามากกว่าสถิติ เพราะทำให้คู่แข่งเล่นผิดแผน

แฟนบอลที่อยากตามทุกประเด็นเดือดๆ ของฟุตบอลยุโรป การจัดอันดับนักเตะฟอร์มแรง และเรื่องราวที่มากกว่าผลสกอร์ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM