กลับสู่ลีกสูงสุดแบบไม่ขอเป็นไม้ประดับ

หลังหายหน้าไปจากเวทีใหญ่ยาวถึง 7 ปี “ยักษ์หลับ” ฮัมบวร์ก เอสเฟา (HSV) ในฐานะแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัย กลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ เมอร์ลิน โพลซิน และบทสรุปช่วงปลายปี 2025 ก็ถือว่าเข้าที่เข้าทาง เพราะพวกเขาเข้าสู่ช่วงพักเบรกหน้าหนาวด้วยระยะห่าง 4 แต้มเหนือโซนเพลย์ออฟหนีตกชั้น/เพลย์ออฟตกชั้น-เลื่อนชั้น

ที่สำคัญกว่าอันดับคือโมเมนตัม หลังเก็บชัยสองเกมติดเหนือทีมฟอร์มแรงอย่าง สตุ๊ตการ์ท และคู่ปรับดาร์บี้แดนเหนืออย่าง แวร์เดอร์ เบรเมน ทำให้ความมั่นใจในห้องแต่งตัวพุ่งแรง และเมื่อมองภาพรวม ฮัมบวร์กแพ้เพียงนัดเดียวจาก 4 เกมหลังในลีก—นี่คือสัญญาณว่าพวกเขาไม่ได้กลับมาเพื่อเป็นผู้ถูกเลือกให้โดนเตะเล่น

ออกสตาร์ตสะดุดหนัก: 1 แต้มจาก 9 และยิงไม่ได้เลย

แม้ตอนนี้ภาพดูดี แต่เส้นทางของ “เดอะ เร้ด ชอร์ทส์” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เกมเปิดฤดูกาลบุกเสมอ มึนเช่นกลัดบัค 0-0 ยังพอเรียกว่าได้ลมหายใจ แต่หลังจากนั้นกลับแพ้รวดต่อ ซังต์ เพาลี และแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค

ผ่าน 3 เกมแรก ฮัมบวร์กมีแค่ 1 แต้มจาก 9 แต้มเต็ม แถมสถิติก็เจ็บปวด—เกมรุกแย่ที่สุดด้วยการยิงไม่ได้เลย (0 ประตู) และเกมรับก็รั่วเป็นอันดับรองแย่สุด (เสีย 7 ลูก) ภาพตอนนั้นเหมือนทีมเพิ่งกลับมาแล้ว “ยังไม่ทันตั้งสติ” ในความเร็วระดับลีกสูงสุดฅ

ตลาดเสริมทัพ 11 ดีล จุดเปลี่ยนเริ่มชัด—โดยเฉพาะ ลูก้า วูสโควิช

ฮัมบวร์กขยับในตลาดแบบจริงจังด้วยการเสริมทัพถึง 11 ราย และในทั้งหมดนั้น ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ ลูก้า วูสโควิช ปราการหลังวัย 18 ปีที่ย้ายมาด้วยสัญญายืมตัวจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

การมาของเขาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แนวรับฮัมบวร์กยืนทรงได้ดีขึ้นแบบเป็นรูปธรรม วูสโควิชประเดิมสนามเจอบาเยิร์นทันที ก่อนจะยึดตัวจริงต่อเนื่อง 13 นัดรวด พร้อมโชว์ความนิ่งเกินวัยจนหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่เอาอยู่ที่สุดของลีกช่วงครึ่งฤดูกาลแรก

ปลดล็อกชัยชนะลีกสูงสุดครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 และคลีนชีตปลุกศรัทธา

ฮัมบวร์กปลดล็อกชัยชนะในลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 ด้วยการชนะ ไฮเดนไฮม์ และในเกมดังกล่าว วูสโควิชยังเป็นคนเปิดสกอร์ในนัดที่ 4 ของฤดูกาลอีกด้วย

หลังจากนั้น “เดอะ ไดโนเสาร์” เดินหน้าทำสถิติไร้พ่าย 3 เกมติด (ชนะ 2 เสมอ 1) พร้อมเก็บคลีนชีตกับ อูนิโอน เบอร์ลิน และ ไมนซ์—จังหวะนี้เองที่แฟนบอลเริ่มเชื่อว่าทีมนี้ไม่ได้มาเล่นๆ และระบบของโพลซินเริ่มทำงานจริง

สถิติเกมรับที่ชัดเจน: สูง 1.93m โหม่งกินเรียบ ดวลชนไม่ถอย

ด้วยความสูง 1.93 เมตร วูสโควิชเป็นอาวุธลูกกลางอากาศที่ฮัมบวร์กขาดหายไป เขาชนะดวลลูกโด่ง 74 ครั้ง รั้งอันดับหนึ่งร่วมกับ ดานิลโญ โดคีห์ ของอูนิโอน และยังติดท็อป 10 การดวลชนะรวม (152 ครั้ง) ซึ่งสะท้อนทั้งความแข็งแกร่ง การอ่านบอล และความดุดันในฐานะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ไม่กลัวการปะทะ

เจ้าตัวยังให้สัมภาษณ์ว่า จุดเด่นคือความสูง การจับจังหวะ และพยายามทุ่มสุดตัวกับทุกลูกกลางอากาศ เพราะลีกนี้เต็มไปด้วยบอลยาวและลูกครอส—และเขาดีใจที่สถิติมันช่วยทีมได้จริง

ช็อตมนุษย์เกินวัย: ช่วยเพื่อนร่วมอาชีพจากเหตุบาดเจ็บ

อีกด้านที่ทำให้วูสโควิชถูกพูดถึงคือจังหวะช่วยเหลือ ราสมุส คริสเตนเซน ที่บาดเจ็บล้มลงกับพื้น โดยดาวรุ่งโครแอตรีบเข้าไปดูแลทันทีเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น การตอบสนองรวดเร็วและมีสติในสถานการณ์แบบนั้นถูกชื่นชมอย่างมากเมื่อเทียบกับอายุของเขา

เกมรุกเริ่มติดเครื่อง: พูลเซ่นปลดล็อก + โลคองก้า-วิเอร่าช่วยเติมคุณภาพ

เมื่อแนวรับเริ่มแน่น เกมรุกก็เริ่มมีของให้เห็นมากขึ้น ยูสซุฟ พูลเซ่น ยิงประตูแรกให้สโมสรได้ในนัดที่ 13 เกมชนะเบรเมนสุดมัน 3-2

ขณะเดียวกัน อัลเบิร์ต แซมบี โลคองก้า เริ่มประสานงานกลางสนามกับ นิโคไล เรมเบิร์ก ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเสริมความสร้างสรรค์จาก ฟาบิโอ วิเอร่า (ยืมมาจากอาร์เซน่อล) ก็เป็นอีกตัวแปรที่ทำให้ฟอร์มของฮัมบวร์กดีดขึ้นในช่วงท้ายปี สองรายนี้รวมกันทำได้ 3 ประตู 2 แอสซิสต์ใน 4 เกมสุดท้ายของปี 2025 และเมื่อมองตารางคะแนนช่วงนั้น มีแค่บาเยิร์นกับดอร์ทมุนด์ที่เก็บแต้มได้มากกว่าฮัมบวร์กใน 4 นัดสุดท้ายของปี

โฟล์คส์พาร์คสตาดิโอนเป็นป้อมปราการ เป้าหมายต่อไปคืออยู่รอดให้ได้

เข้าสู่ช่วงครึ่งฤดูกาล ฮัมบวร์กวางฐานรากสำหรับปี 2026 ได้อย่างน่าพอใจ โกล ดาเนียล ฮอยเออร์ แฟร์นันเดส ชี้ว่าเป็นการปิดปีที่ดีของปีที่เต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น ขณะที่โพลซินก็ย้ำว่านี่คือบทสรุปปลายปีที่สมควรได้รับ

และที่สำคัญ โฟล์คส์พาร์คสตาดิโอนกลายเป็น “บ้านที่เล่นยาก” เพราะฮัมบวร์กแพ้ในบ้านเพียง 2 นัดในฤดูกาล 2025/26 จนถึงตอนนี้ เมื่อกราฟกำลังพุ่งขึ้น เป้าหมายต่อไปจึงชัดเจนที่สุด—การการันตีสถานะบนลีกสูงสุดให้ได้ เพราะการกลับมาครั้งนี้ พวกเขาไม่อยากกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกแล้ว

เกล็ดความรู้

  • ทีมที่เพิ่งกลับสู่ลีกสูงสุด มักโดนทดสอบหนักเรื่องสปีดเกมและความละเอียดแท็กติกในช่วง 5–10 นัดแรก
  • เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่แข็งลูกกลางอากาศ ช่วยลดความเสี่ยงจากบอลยาวและลูกตั้งเตะ ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของหลายทีม
  • การมีสนามเหย้าเป็นจุดเก็บแต้มหลัก มักเป็นปัจจัยชี้ขาดของทีมที่ลุ้นอยู่รอด
  • ฟอร์มก่อนพักเบรกหน้าหนาว มักส่งผลต่อความมั่นใจและทิศทางการเสริมทัพในเดือนมกราคม

ติดตามข่าวบอลต่างประเทศ บทวิเคราะห์เข้มๆ และความเคลื่อนไหวตลาดนักเตะ แบบอ่านสนุกแต่ข้อมูลแน่น ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM