เส้นทางกลับมาดีขึ้น…แต่แผลเดิมยังตามหลอก
แม้ช่วงหลัง ลิเวอร์พูล จะเริ่มทำผลงานกระเตื้องขึ้นจนขยับกลับมาเกาะกลุ่มหัวตารางและไต่ขึ้นสู่โซน ท็อปโฟร์ ได้สำเร็จ แต่ในมุมของคนในทีมเอง โดยเฉพาะกัปตันอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังมองว่า “มันยังไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์” เพราะมีจุดบอดชัดๆ ที่กำลังสร้างความเสียหายแบบเจ็บลึก นั่นคือการรับมือ ลูกตั้งเตะ และการเก็บบอลในจังหวะต่อเนื่อง
ฟาน ไดค์ยอมรับตรงๆ ว่ามันเป็นเรื่องที่ “น่าผิดหวังที่สุด” เพราะทีมเสียประตูจากสถานการณ์นี้ไปแล้วถึง 12 ลูก ซึ่งสำหรับทีมที่หวังความสำเร็จ มันคือจำนวนที่มากเกินกว่าจะปล่อยให้ผ่านไปแบบไม่แก้ไข
ฟาน ไดค์พูดชัด: ไม่ใช่แค่เสีย…แต่ยิงคืนแทบไม่ได้
จุดที่ทำให้กัปตันหงส์แดงยิ่งหัวเสียคือ ลิเวอร์พูลแทบไม่ได้ประโยชน์จากลูกนิ่งในเชิงรุกเลย เขาบอกแบบเจ็บๆ ว่า “น่าเสียดายที่เราอาจเป็นทีมเดียวที่แทบจะไม่เคยทำประตูจากลูกตั้งเตะได้เลย” และยิ่งแย่กว่าเดิมตรงที่ “กลับเสียประตูจากจังหวะแบบนี้อยู่ตลอด”
มันสะท้อนภาพสองด้านพร้อมกัน คือเกมรับพลาด และเกมรุกไม่คมในลูกนิ่ง ซึ่งทำให้ทีมเสียแต้มได้ง่ายในเกมที่สูสี เพราะแค่รายละเอียดเล็กๆ ในลูกเตะมุม ฟรีคิก หรือบอลโด่งหน้าเขตโทษ ก็เปลี่ยนผลการแข่งขันได้ทันที
“เราเคยดีมาก” แต่ตอนนี้ต้องยอมรับความจริง
ฟาน ไดค์ย้ำว่า ลิเวอร์พูลเคยเป็นทีมที่รับมือกับลูกตั้งเตะได้ดีมากๆ แต่มาตอนนี้ความแน่นหนากลับหลุดเป็นช่วงๆ และเมื่อมันเกิดซ้ำๆ มันกลายเป็นปัญหาเชิงระบบ ไม่ใช่ความผิดพลาดครั้งเดียวแล้วจบ
ในฐานะหัวใจเกมรับ เขามองว่าทีมต้องกลับไปตั้งหลักให้เร็วที่สุด เพราะถ้ายังปล่อยให้เสียแต้มจากจังหวะเดิมๆ ต่อไป ต่อให้ฟอร์มโดยรวมดีขึ้นแค่ไหน ก็เหมือนวิ่งเร็วแต่มีหินถ่วงข้อเท้า
ไม่ได้แพ้ที่บอลแรก…แต่แพ้ “จังหวะสอง” ที่โคตรอันตราย
ประเด็นที่ฟาน ไดค์ชี้แบบเจาะลึกคือ หลายครั้งปัญหาไม่ได้อยู่ที่การเข้าปะทะครั้งแรกเสมอไป แต่เป็นการเก็บบอลต่อเนื่องต่างหาก เขามองว่าอย่างน้อย 75% ของสถานการณ์อันตรายเหล่านี้เกิดจาก “บอลจังหวะสอง” มากกว่าบอลแรก
พูดง่ายๆ คือ ต่อให้เคลียร์ลูกเตะมุมได้ในครั้งแรก แต่ถ้าเก็บตกไม่ได้ ปล่อยให้คู่แข่งได้ยิงซ้ำ ได้เปิดซ้ำ หรือได้ครอสอีกรอบ ความเสียหายก็ยังเกิดเหมือนเดิม และนี่แหละคือจุดที่เขามองว่าต้องปรับ “ด่วน”

รายละเอียดเล็กๆ ที่ตัดสินเกม
- การยืนตำแหน่งหลังเคลียร์บอล
- การสื่อสารว่าใครเก็บโซนหน้าเขตโทษ
- การตามประกบผู้เล่นที่รอโอกาสยิงแถวสอง
- การตัดสินใจว่าจะดันไลน์ขึ้นหรือถอยตั้งรับ
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ถ้าพลาดวินาทีเดียว เกมอาจพังได้เลย
ทางแก้ของกัปตัน: ซ้อมซ้ำ วิเคราะห์ซ้ำ แล้วทำให้ “นิ่ง” ให้ได้
ฟาน ไดค์มองว่ามันต้องกลับไปที่กระบวนการแบบตรงไปตรงมา คือ “การฝึกซ้ำ, การซ้อม และการวิเคราะห์” เพราะลูกตั้งเตะไม่ใช่เรื่องดวง แต่มันคือเรื่องการจัดระเบียบ ความพร้อม และการอ่านเกมให้เร็วกว่าอีกฝ่ายครึ่งก้าว
เขายอมรับว่าทีมจำเป็นต้องยกระดับในจุดนี้ให้ดีขึ้น เพราะมันเป็นส่วนที่ตัดแต้มโดยตรง และถ้าหวังไล่ล่าความสำเร็จในช่วงที่เหลือของฤดูกาล การปล่อยให้โดนเล่นงานจากลูกนิ่งซ้ำๆ คือความเสี่ยงที่ไม่ควรมี
เรื่องจิตใจไหม? ฟาน ไดค์ตอบชัด—อย่าให้มันกลายเป็น “ภาพในหัว”
เมื่อถูกถามว่าปัญหานี้เกี่ยวกับสภาพจิตใจหรือไม่ ฟาน ไดค์ตอบแบบชัดๆ ว่าเขา “หวังว่าไม่ใช่” และย้ำว่า ถ้ามันกลายเป็นเรื่องที่อยู่ในหัวของนักข่าวหรือคนภายนอกมากเกินไป นั่นแหละอาจทำให้กลายเป็นปัญหาจริง
แต่สำหรับตัวเขาเอง เขายืนยันว่ามันไม่ได้อยู่ในหัวของเขา เพราะถ้าปล่อยให้กลัวลูกตั้งเตะขึ้นมาเมื่อไร เกมรับจะยิ่งหลุดหนักกว่าเดิม สิ่งที่ต้องทำคือกลับไปจัดระบบและแก้ด้วยฟุตบอล ไม่ใช่แก้ด้วยความกังวล
เกล็ดความรู้
- ลูกตั้งเตะมักตัดสินเกมใหญ่ได้ เพราะเป็นสถานการณ์ที่ “ซ้อมได้” และ “วางแผนได้” มากกว่าเกมไหลลื่น
- “จังหวะสอง” คือช่วงที่แนวรับเผลอมากที่สุด เพราะคิดว่าเคลียร์ได้แล้ว ทำให้คู่แข่งได้ยิงซ้ำแบบโล่งๆ
- ทีมที่หวังแชมป์มักมีทั้งแผนรับลูกนิ่งและแผนรุกลูกนิ่ง หากทำได้แค่ด้านเดียว โอกาสเสียแต้มจะสูงขึ้นทันที
ติดตามทุกประเด็นเดือดๆ ในโลกฟุตบอลแบบเข้มข้น ชัดเจน และมีมุมมองลึกกว่าเดิมได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM