ฟุตบอลเยอรมนีกำลังเปิดฉากยุคใหม่ภายใต้การนำของ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ที่กล้าสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเรียกสองดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ซาอิด เอล มาลา (Said El Mala) และ อัสซาน อูเอดราโอโก (Assan Ouédraogo) ติดทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในโปรแกรม ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก เดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเจอกับ ลักเซมเบิร์ก และ สโลวาเกีย ซึ่งทั้งคู่กำลังจะกลายเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดใน บุนเดสลีกา ที่ได้สวมเสื้อ “อินทรีเหล็ก” เหมือนกับตำนานระดับโลกอย่าง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์, กึนเทอร์ เน็ตเซอร์ และ แซร์จ นาบรี้
ดาวรุ่งพุ่งแรง! เอล มาลา โชว์ของในโคโลญจน์จนติดตา “นาเกิลส์มันน์”
การถูกเรียกติดทีมชาติของ เอล มาลา ถือเป็นการจารึกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ เพราะเจ้าตัวเพิ่งลงเล่นใน บุนเดสลีกาเพียง 10 นัด เท่านั้น แต่กลับทำผลงานได้สุดยอดกับสโมสร โคโลญจน์ (FC Köln) ด้วยการยิงไป 4 ประตู และแอสซิสต์อีก 1 ครั้ง ภายใต้การเล่นที่ดุดัน กล้าเล่น และเต็มไปด้วยพลังของดาวรุ่งวัยเพียง 19 ปี
นาเกิลส์มันน์ออกโรงชื่นชมทันทีว่า
“ซาอิดควรได้รับโอกาสในการแสดงความมั่นใจและความเป็นธรรมชาติของเขากับพวกเรา เราติดตามดูนักเตะจากทีมเยาวชน U21 อยู่เสมอ และต้องการมอบโอกาสให้พวกเขาได้ก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชาติชุดใหญ่”
ประโยคนี้สะท้อนชัดว่า กุนซือหนุ่มแห่งทีมชาติเยอรมนีมองไกลกว่าปัจจุบัน เพราะเขาต้องการปูทางให้แข้งอายุน้อยได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในระดับทีมชาติ เพื่อวางรากฐานสู่อนาคตฟุตบอลเยอรมนีระยะยาว
อูเอดราโอโก มิดฟิลด์วัย 19 ปี จากไลป์ซิก ขึ้นแท่นเพชรเม็ดใหม่
อีกหนึ่งดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสคือ อัสซาน อูเอดราโอโก มิดฟิลด์พลังหนุ่มจาก แอร์เบ ไลป์ซิก (RB Leipzig) วัยเพียง 19 ปี ที่ถูกเรียกมาแทน นาดีม อามิรี่ (Nadiem Amiri) ซึ่งถอนตัวจากอาการบาดเจ็บ โดยนาเกิลส์มันน์กล่าวชื่นชมว่า
“อัสซานกำลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในตอนนี้ในศึกบุนเดสลีกา เขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีอนาคตสดใส คล้ายกับเอล มาลา และเราต้องการเห็นเขาแสดงฝีเท้าในระหว่างการฝึกซ้อมกับทีมชาติ”
แม้เจ้าตัวจะเพิ่งผ่านการลงเล่น 13 นัดในบุนเดสลีกา แต่ถือว่าเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม “กระทิงแดง” ในฤดูกาลนี้ หลังจากซีซั่นก่อนต้องพักยาวจากอาการบาดเจ็บ และยังมีประสบการณ์ใน บุนเดสลีกา 2 กับชาลเก้ 17 นัด อีกด้วย

จาก “เบ็คเคนบาวเออร์” ถึง “นาบรี้” เส้นทางดาวรุ่งเยอรมันที่ก้าวกระโดด
แม้ดูเหมือนโอกาสแบบนี้จะหาได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเยอรมนี เพราะตลอดประวัติศาสตร์ ทีมชาติเยอรมันเคยเปิดทางให้แข้งดาวรุ่งหลายคนแจ้งเกิดในเวทีทีมชาติทั้งที่ยังไม่เคยลงเล่นมากนักในลีกสูงสุด ตัวอย่างเช่น
- แซร์จ นาบรี้ ติดทีมชาติครั้งแรกตอนลงเล่นบุนเดสลีกาเพียง 9 นัด
- ดาวิด รอม (David Raum) เพิ่งลงสนามเพียง 3 นัดก่อนถูกเรียกติดทีมชาติ
- และสุดยอดตำนานอย่าง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ และ กึนเทอร์ เน็ตเซอร์ ต่างได้ประเดิมทีมชาติในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรใหม่หลังการเลื่อนชั้นของบาเยิร์น มิวนิค และมึนเชนกลัดบัคในปี 1965
นอกจากนี้ ยังมีนักเตะบางรายที่ไม่เคยเล่นในลีกเยอรมันเลย แต่ได้ติดทีมชาติในช่วงค้าแข้งต่างแดน เช่น คาริม อเดเยมี, โรบิน โกเซนส์, โธมัส ฮิทซ์สเปอร์เกอร์, และ โรเบิร์ต ฮุธ ซึ่งล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพของตน
ทำเนียบแข้งที่ติดทีมชาติเยอรมันครั้งแรก ด้วยจำนวนนัดในบุนเดสลีกาน้อยที่สุด
- ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ – 6 นัด (ปี 1965)
- กึนเทอร์ เน็ตเซอร์ – 7 นัด (ปี 1965)
- แซร์จ นาบรี้ – 9 นัด (ปี 2016)
- โยนาส เฮคเตอร์ – 11 นัด (ปี 2014)
- ดาวิด รอม – 3 นัด (ปี 2021)
- ยาน บิสเซ็ก – 3 นัด (ปี 2025)
- อาร์เน่ ฟรีดริช – 2 นัด (ปี 2002)
- คาริม อเดเยมี, โรบิน โกเซนส์, โรเบิร์ต ฮุธ – 0 นัดในเยอรมนี
จากลิสต์นี้ แสดงให้เห็นว่า “จำนวนแมตช์ในบุนเดสลีกา” ไม่ใช่ตัวชี้วัดศักยภาพของนักเตะ เพราะเยอรมนียังให้ความสำคัญกับ พรสวรรค์, ความกล้าแสดงออก และความสามารถในการปรับตัวในระบบแท็กติกระดับสูง มากกว่า

เกร็ดหน้ารู้เกี่ยวกับ : ทีมชาติเยอรมนีในยุคนาเกิลส์มันน์
- นาเกิลส์มันน์เข้ารับตำแหน่ง เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมนีในปี 2023 หลังแยกทางกับบาเยิร์น มิวนิค
- เขาเป็นกุนซือเยอรมันที่อายุน้อยที่สุดที่คุมทีมชาติชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 36 ปี
- เน้นระบบการเล่น “เพรสซิ่งสูง – ครองบอลต่อเนื่อง – เน้นสปีดเกมรุก”
- มุ่งสร้างทีมด้วยแนวคิด “เยาวชนต้องมีพื้นที่ในทีมชาติ” เพื่อปูรากฐานสู่ฟุตบอลโลก 2026
ติดตามข่าวสารทีมชาติเยอรมนี และทุกความเคลื่อนไหวของฟุตบอลยุโรปแบบเจาะลึกได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM – เสียงจริงจากนักข่าวกีฬาตัวจริง!