จุดเริ่มต้นที่ไม่หรูหรา แต่เต็มไปด้วยไฟในหัวใจ
เส้นทางของ หลุยส์ ดิอาซ คือบทพิสูจน์ว่าความยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากจุดที่สบายที่สุด ดาวเตะชาวโคลอมเบียวัย 28 ปี กลายเป็นขุมพลังสำคัญของ บาเยิร์น มิวนิก หลังย้ายมาจากลิเวอร์พูล และระเบิดฟอร์มพาทีมทะยานสู่จ่าฝูงทั้ง บุนเดสลีกา และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ดิอาซเผยกับสื่อบุนเดสลีกาว่า
“ผมพกความเป็นบ้านเกิดไว้ในตัวเสมอ ผมแค่พยายามมีความสุขและสนุกกับทุกช่วงเวลา”
ประโยคสั้น ๆ ที่สะท้อนว่าความสุขง่าย ๆ ของเขาเริ่มจากชีวิตที่แตกต่างจากซูเปอร์สตาร์ทั่วไปแบบคนละโลก
🇨🇴 @LuisFDiaz19 🤝 @Manuel_Neuer 🇩🇪
— FC Bayern (@FCBayernEN) August 20, 2025
Luis Díaz wears a traditional 𝓛𝓮𝓭𝓮𝓻𝓱𝓸𝓼𝓷 for the first time – Suits you perfectly Lucho! 🥨👏 pic.twitter.com/4H5ZNGvf0g
โตมาท่ามกลางความยากลำบากใน “ลา กัวจิรา”
ดิอาซเกิดใน Barrancas แถบ La Guajira หนึ่งในพื้นที่ยากจนที่สุดของโคลอมเบีย ครอบครัวของเขาเป็นหนึ่งในชุมชนชนพื้นเมือง “วายู” ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าว ขาดทั้งอาหาร น้ำดื่มสะอาด และการรักษาพยาบาล มีข้อมูลว่า เด็กวายูมากกว่า 4,700 คนเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการในช่วงปี 2008–2016
แม้จะยากลำบาก แต่ดิอาซยังจำได้ดีว่าชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความสุข เขาฝึกฟุตบอลที่โรงเรียนของพ่อ และสนุกกับการเฝ้าดูรถไฟบรรทุกสินค้าวิ่งผ่านเมือง เพื่อส่งถ่านหินจากเหมือง Cerrejon สู่ยุโรป
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่: จากเด็กผอมสู่จุดสนใจในทัวร์นาเมนต์ทีมชนพื้นเมือง
ปี 2015 ดิอาซถูกเรียกติดทีมโคลอมเบียเข้าร่วมแข่ง Copa America of Indigenous People ที่ชิลี แต่ปัญหาคือ… เขาผอมมาก
โค้ช “จอห์น โปซิลโล่ ดิอาซ” เล่าว่า
“ตอนนั้นเราคิดเลยว่าเขาคงเล่นไม่ไหว เขาผอมมากและแพ้แรงปะทะ แต่เขากลับโดดเด่นที่สุดจากผู้เล่นกว่า 400 คน”
แม้โคลอมเบียจะพ่ายปารากวัย 0-1 ในนัดชิง แต่ฟอร์มของดิอาซทำให้เขาถูกดึงตัวเข้าสู่ทีม Barranquilla FC ซึ่งสร้างชุดเยาวชนใหม่เพื่อให้เขาได้ลงเล่น พร้อมจัดโปรแกรมโภชนาการให้—ใช้เวลาไม่นาน เขาเพิ่มน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม
จากแข้งโนเนมสู่ขวัญใจแฟนเจเนอรัล ดิอาซ
เมื่อกลับเข้าสู่ทีม Atlético Junior เขาก็กลายเป็นกำลังหลักทันที สไตล์ไถนา วิ่งไม่รู้จักหมด และสู้ยิบตาทำให้แฟนบอลรักเขาอย่างรวดเร็ว
ฤดูกาล 2017/18 เขายิงไป 16 ประตู จนได้รับความสนใจจากหลายทีมทวีปอเมริกาใต้ แต่เขาเลือกย้ายไป ปอร์โต้ ในปี 2019 —และนั่นคือก้าวที่ทำให้เขาเป็น “ดิอาซ เวอร์ชันซูเปอร์สตาร์”
ปอร์โต้วางรากฐานให้ดิอาซกลายเป็นปีศาจริมเส้น
3 ปีในโปรตุเกส ดิอาซทำผลงานโหด
- 41 ประตู
- 19 แอสซิสต์
- รวม 60 ประตูที่มีส่วนร่วม ใน 125 นัด
- พาปอร์โต้คว้าดับเบิลแชมป์ในปี 2020
ผลงานเปรี้ยงสุดคือ โคปา อเมริกา 2021 ที่ยิงใส่ทั้ง บราซิล และ อาร์เจนตินา ก่อนซัดอีกสองประตูใส่เปรูในเกมชิงอันดับสาม จบด้วยผลงานรองดาวซัลโวร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี

ลิเวอร์พูลคือบททดสอบ และบาเยิร์นคือจุดระเบิด
ดิอาซย้ายเข้าสู่พรีเมียร์ลีกปี 2022 และปรับตัวได้เร็วแบบเหลือเชื่อ ยิง 4 แอสซิสต์ 3 จาก 13 นัดแรก
ฤดูกาลสุดท้ายกับลิเวอร์พูล เขากด
- 13 ประตู
- 7 แอสซิสต์
ช่วยลิเวอร์พูลยุคอาร์เน่ สลอตคว้าแชมป์ลีกในรอบ 4 ปี
แต่บทบาทของเขาในระบบใหม่ทำให้มีเสียงลือว่าอาจไม่ใช่ตัวเลือกหลัก จนสุดท้าย บาเยิร์น มิวนิก ยื่นข้อเสนอมหาศาล และลิเวอร์พูลยอมปล่อย
บาเยิร์นจ่ายแพงแต่คุ้มเกินคุ้ม
ดิอาซคือการเซ็นสัญญาราคาแพงอันดับ 3 ของสโมสร รองแค่ เคน และ ลูกัส แอร์กน็องเดซ แต่เขาตอบแทนทุกยูโรด้วยฟอร์มลุกเป็นไฟ
17 นัดแรกเขา
- ยิง 11 ประตู
- จ่าย 5 ครั้ง
กลายเป็นรองแค่ แฮร์รี่ เคน ในจำนวนประตูที่มีส่วนร่วม
เฮดโค้ช แวงซองต์ กอมปานี ชื่นชมว่า
“มันเป็นซีซั่นแรกของเขาในเยอรมนี แต่เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม พลังงานและความกระหายของเขาเหมาะกับทีมมาก”
ดิอาซกำลังสนุกกับชีวิตในแบบที่เขาเลือก
เขาเผยกับ Sport Bild ว่า
“ทีมช่วยผมได้มาก เรามีผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมหลายคน โดยเฉพาะแนวรุก… ผมมีความสุขจริง ๆ”
จากเด็กผอมในชุมชนชนพื้นเมือง สู่ดาวเด่นของแชมเปียนส์ลีก—เส้นทางของเขาคือภาพสะท้อนว่า “ใจ” สำคัญกว่าต้นทุนเสมอ
🇨🇴❤️⚡️ pic.twitter.com/cfbqIglhK9
— Luis Fernando Díaz (@LuisFDiaz19) October 12, 2025
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ : หลุยส์ ดิอาซ
- มาจากชุมชนชนพื้นเมือง “วายู” ที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโคลอมเบีย
- เพิ่มน้ำหนัก 10 กก. ภายในไม่กี่เดือนตามโปรแกรมโภชนาการของ Barranquilla FC
- ยิงเมสซีย์ร่วมดาวซัลโวโคปา อเมริกา 2021
- สไตล์เล่นเน้นสปีด การเลี้ยงกินตัว และยิงไกลทรงพลัง
- เป็นนักเตะลาตินที่ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวกับฟุตบอลยุโรประดับสูง
ติดตามเรื่องราวฟุตบอลระดับโลกต่อได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM