ภาพรวมเกม – อาร์เซนอลหักปากกาเซียน หยุดสถิติไร้พ่ายของบาเยิร์น
ค่ำคืนที่ลอนดอนกลายเป็นฝันร้ายของ บาเยิร์น มิวนิค และเป็นค่ำคืนที่แฟนบอล อาร์เซนอล ต้องจดจำ เมื่อทัพ “ปืนใหญ่” เปิดบ้านอัดเสือใต้ 3-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ส่งผลให้สถิติไร้พ่าย 18 นัดติดต่อกันของทีมดังจากเยอรมนีต้องหยุดลงแบบสุดเดือด
ก่อนเกม บาเยิร์นเดินทางมาถึงลอนดอนด้วยฟอร์มสุดโหด ชนะ 17 จาก 18 นัดอย่างเป็นทางการในซีซั่นนี้ และเก็บชัยรวด 4 นัดแรกในรอบลีกเฟสของแชมเปียนส์ลีก เช่นเดียวกับอาร์เซนอล แต่เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ทีมของมิเกล อาร์เตต้าแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่กลัวชื่อชั้นใคร โดยเฉพาะเมื่อเล่นต่อหน้าแฟนบอลในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม
สุดท้าย “ปืนใหญ่” ปิดเกมด้วยสกอร์ 3-1 จากประตูของ จูร์เรียน ทิมเบอร์, โน่นี มาดูเอเก้ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ขณะที่ฝั่งบาเยิร์นได้หนึ่งประตูจากดาวรุ่งวัย 17 อย่าง เลนนาร์ท คาร์ล
ลำดับการทำประตู – ปืนยิงก่อน เสือสวนทัน แต่เจอทีเด็ดสำรองเจ้าถิ่น
อาร์เซนอล 3-1 บาเยิร์น มิวนิค
ประตู:
1-0 ทิมเบอร์ น.22 (แอสซิสต์: ซาก้า)
1-1 คาร์ล น.31 (แอสซิสต์: นาบรี้)
2-1 มาดูเอเก้ น.69 (แอสซิสต์: คาลาฟิออริ)
3-1 มาร์ติเนลลี่ น.77
เป็นเกมที่รูปเกมสวิงไปมา ทั้งสองทีมมีจังหวะสวนกลับและโอกาสเข้าทำสลับกันตลอด 90 นาที แต่ความเฉียบคมในช่วงครึ่งหลังของอาร์เซนอลคือจุดตัดสินผลการแข่งขัน
💎🇩🇪 pic.twitter.com/z7JePsHPV9
— 🇺🇸 FC Bayern US 🇨🇦 (@FCBayernUS) November 26, 2025
ครึ่งแรก–ปืนขึ้นนำก่อน ดาวรุ่งเสือใต้ยิงคืนอย่างเยือกเย็น
บาเยิร์นมาถึงลอนดอนในฐานะ “จ่าฝูงบุนเดสลีกา” และทีมฟอร์มโหดที่สุดทีมหนึ่งของยุโรป แต่เจ้าถิ่นไม่ปล่อยให้ทีมเยือนตั้งลำง่าย ๆ เกมของอาร์เซนอลอาศัยสปีดบอลเร็ว กดดันสูงตั้งแต่แดนหน้า และใช้จังหวะเซ็ตเพลย์เล่นงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นาทีที่ 22 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮลั่นเมื่อ บูกาโย่ ซาก้า เปิดเตะมุมเข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็น จูร์เรียน ทิมเบอร์ พุ่งโหม่งเต็ม ๆ ส่งบอลเสียบตาข่ายให้ปืนใหญ่ขึ้นนำ 1-0 อย่างสวยงาม
แม้อาร์เซนอลจะมีโอกาสหนีห่างเพิ่ม เมื่อ เอเบเรชี่ เอเซ ได้โอกาสในพื้นที่สุดอันตรายแต่กลับไม่สามารถทดสอบมานูเอล นอยเออร์ได้ ทว่าฟุตบอลคือเกมที่ลงโทษความไม่เฉียบคม และบาเยิร์นก็ฉกฉวยโอกาสแรกของตัวเองได้ทันควัน
โจชัว คิมมิช โชว์คลาสด้วยการวางบอลยาวจากด้านหนึ่งไปอีกด้านได้อย่างแม่นยำถึง แซร์จ นาบรี้ อดีตแข้งปืนใหญ่ ก่อนจะเปิดบอลเข้ากรอบแบบ “พอดีเท้า” ให้ เลนนาร์ท คาร์ล ดาวรุ่งวัย 17 ปี วิ่งสอดมายิงจ่อ ๆ เป็นประตูที่สองของเจ้าหนูรายนี้ในแชมเปียนส์ลีกซีซั่นนี้ ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 31
ช่วงท้ายครึ่งแรก บาเยิร์นเริ่มจับทางได้และเป็นฝ่ายครองบอลกดดันมากขึ้น นาบรี้ยังตามลงมาช่วยเกมรับจนปิดทางไม่ให้ซาก้าหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับนอยเออร์ ขณะที่ โยซิป สตานิชิช เติมเกมขึ้นมาสับไกหลุดเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนจบครึ่งแรกด้วยจังหวะที่ แฮร์รี่ เคน เกือบได้ซัดจ่อ ๆ จากจังหวะเคลียร์ผิดเหลี่ยมของวิลเลียม ซาลีบา แต่ไม่ทันจบสกอร์
ครึ่งหลัง–นอยเออร์เซฟชีวิตไม่ไหว อาร์เซนอลเร่งเครื่องปิดจ็อบ
ครึ่งหลังเริ่มมาไม่นาน เกมแทบจะหักมุมให้เจ้าบ้านทันที เมื่อคิมมิชจ่ายบอลพลาดกลายเป็นตั้งให้ซาก้าหลุดเข้าไปลุ้นประตู ทว่ามานูเอล นอยเออร์ ยังโชว์คลาสระดับตำนาน พุ่งปลายนิ้วปัดได้อย่างเหลือเชื่อ ช่วยให้บาเยิร์นยังอยู่ในเกม
จังหวะสวนกลับถัดมา อดีตมิดฟิลด์ดอร์ทมุนด์อย่าง มิเกล เมรีโน่ โขกบอลตรงตัวนอยเออร์ ก่อนที่ เลนนาร์ท คาร์ล จะสวนขึ้นไปกดให้ ดาวิด รายา ต้องออกแรงเซฟเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าดาวรุ่งรายนี้ไม่ได้มีดีแค่จังหวะจบสกอร์เพียงอย่างเดียว
อาร์เซนอลยังคงอันตรายจากลูกเตะมุม นาทีที่ 58 เมรีโน่ได้โขกจ่อ ๆ ระยะเผาขน แต่ไม่สามารถส่งบอลเข้ากรอบได้ จากนั้น คริสเตียน มอสเกรา ได้โขกต่อเนื่องและคราวนี้ นอยเออร์ ต้องโชว์เซฟสำคัญอีกครั้งเพื่อรักษาสกอร์
แต่เมื่อโดนบุกต่อเนื่อง สุดท้ายกำแพงก็พัง นาทีที่ 69 ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เสียบอลง่ายให้ เดแคลน ไรซ์ ที่อ่านเกมขาด ก่อนจ่ายต่อเร็วให้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออริ สอดขึ้นทางซ้ายแล้วเปิดเข้ากลาง และเป็น โน่นี มาดูเอเก้ ตัวสำรองที่เติมมาจบสกอร์หน้าปากประตู แปบอลผ่านนอยเออร์เข้าไปไม่เหลือ 2-1 สำหรับปืนใหญ่
บาเยิร์นพยายามตอบโต้ทันที คิมมิชวางบอลยาวให้ นาบรี้ วิ่งเข้าไปลุ้น แต่แนวรุกชาวเยอรมันไม่สามารถบังคับบอลเข้ากรอบได้
จากนั้นเมื่อเสือใต้ดันไลน์ขึ้นสูงหวังเอาประตูตีเสมอ จังหวะสวนกลับของอาร์เซนอลก็ลงโทษทันควัน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ใช้ความเร็วและความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้ายปิดบัญชีให้เจ้าถิ่นหนีเป็น 3-1 ในนาทีที่ 77 กลายเป็นประตูฝังความหวังคืนนี้ของบาเยิร์นอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์ในกลุ่ม–บาเยิร์นยังอยู่โซนเพลย์ออฟ แต่เสียจ่าฝูงให้อาร์เซนอล
แม้ความพ่ายแพ้เกมนี้จะทำให้สถิติไร้พ่ายของบาเยิร์นต้องหยุดลง แต่ในตารางรอบลีกเฟส พวกเขายังอยู่ในโซน 8 อันดับอัตโนมัติที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทีมของวินเซนต์ คอมปานี ตามหลังจ่าฝูงทีมใหม่อย่างอาร์เซนอลอยู่ 3 คะแนน โดยยังเหลือโปรแกรมในลีกเฟสอีก 3 นัดให้แก้ตัว
สำหรับอาร์เซนอล นอกจากจะหยุดสถิติของเสือใต้ได้แล้ว ยังส่งสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่น ๆ บนเวทียุโรปฤดูกาลนี้ ทั้งแท็กติกที่ยืดหยุ่น ความลึกของขุมกำลัง และการสลับนักเตะสำรองลงมาเปลี่ยนเกม

สถิติสำคัญจากเกม – ตัวเลขที่เล่าเรื่องได้ชัดไม่แพ้ภาพในสนาม
- ก่อนเกมนี้ บาเยิร์น เก็บชัยในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ 4 นัดรวด โดยชนะ เชลซี, พาฟอส, คลับ บรูช และปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์เก่า
- ความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอลครั้งนี้ เป็นเพียงเกมที่ 3 จาก 13 นัดหลังสุดของบาเยิร์นในเวทียุโรปที่แพ้ทีมจากอังกฤษ (ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 3)
- บาเยิร์นแพ้เพียง 4 นัดจาก 53 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม/ลีกเฟสของถ้วยยุโรป (ชนะ 45 เสมอ 4) ตัวเลขนี้ตอกย้ำว่าความพ่ายแพ้แบบนี้ถือว่า “หายาก”
- เลนนาร์ท คาร์ล ยิงไปแล้ว 3 ประตูจาก 13 เกมให้ทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น และในวัย 17 ปี 277 วัน เขากลายเป็น นักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีกที่ยิงได้ในสองเกมแรกที่ออกสตาร์ทตัวจริง
- แฮร์รี่ เคน ที่เปิดตัวในแชมเปียนส์ลีกซีซั่นนี้อย่างร้อนแรงด้วย 5 ประตูจาก 3 นัดแรก ตอนนี้ยิงไม่ได้มา 2 เกมติดในยุโรป
แท็กติกและจุดเปลี่ยน – เกมที่ตัดสินกันด้วยความผิดพลาดและม้านั่งสำรอง
เกมนี้สะท้อนภาพฟุตบอลระดับสูงได้ชัดเจนว่า “ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องนิ่งด้วย” บาเยิร์นครองบอลเป็นช่วง ๆ สร้างโอกาสได้ แต่ความผิดพลาดในจังหวะออกบอลของอูปาเมกาโน่ บวกกับการเสียสมดุลยามดันไลน์สูง กลายเป็นช่องให้ปืนใหญ่ใช้ความเร็วของตัวรุกลงโทษ
ด้านอาร์เซนอล การส่งตัวสำรองอย่าง มาดูเอเก้ และ มาร์ติเนลลี่ ลงมา เปลี่ยนมิติในเกมบุกทันที ทั้งสปีดบอล การเลี้ยงกินตัว และการสอดเข้าไปปิดสกอร์ในพื้นที่แคบ ๆ ทำให้ทีมของมิเกล อาร์เตต้า มีอาวุธหลากหลายกว่าฝั่งเยือนในช่วงท้ายเกม
รายชื่อนักเตะตัวจริงและตัวสำรอง
อาร์เซนอล
ผู้เล่น 11 ตัวจริง:
รายา – ทิมเบอร์ (ถูกเปลี่ยนออกให้ เบน ไวท์ น.80), ซาลีบา, มอสเกรา, ลูอิส-สเคลลี่ (ออกให้ คาลาฟิออริ น.68) – ซูบีเมนดี้, ไรซ์ – ซาก้า (กัปตันทีม, ออกให้ มาร์ติเนลลี่ น.68), เอเซ (ออกให้ โอเดการ์ด น.80), ทรอสซาร์ (ออกให้ มาดูเอเก้ น.38) – เมรีโน่
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน: อาร์ริซาบาลาก้า, เซ็ตฟอร์ด, ฮินคาปีเอ, เนอร์การ์ด, นวาเนรี
รายชื่อนักเตะที่บาดเจ็บ/ไม่พร้อม: กาเบรียล (ต้นขา), ยอคเคเรส (กล้ามเนื้อ), ฮาแวร์ตซ์ (เข่า), เชซุส (เข่า)
เฮดโค้ช: มิเกล อาร์เตต้า
บาเยิร์น มิวนิค
ผู้เล่น 11 ตัวจริง:
นอยเออร์ (กัปตันทีม) – ไลเมอร์ (ออกให้ บิชอฟฟ์ น.73), อูปาเมกาโน่ (ออกให้ คิม น.81), ทาห์, สตานิชิช – คิมมิช (ออกให้ โกเร็ตซ์ก้า น.81), พาฟโลวิช – คาร์ล (ออกให้ เกร์เรย์โร่ น.81), โอลิส, นาบรี้ (ออกให้ แจ็คสัน น.72) – เคน
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน: อุลไรช์, เออร์บิช, อิโตะ, โบเย, ไมค์
รายชื่อนักเตะที่บาดเจ็บ/ไม่พร้อม: เดวีส์ (ความฟิต), ดิอาซ (ติดโทษแบน), มูเซียล่า (ความฟิต)
เฮดโค้ช: วินเซนต์ คอมปานี
สรุป – ปืนใหญ่ส่งสัญญาณชัด บาเยิร์นยังแกร่งแต่ไม่ใช่ไร้จุดอ่อน
แม้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะไม่ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค หลุดจากเส้นทางลุ้นแชมป์ยุโรป แต่เป็นการเตือนว่าในระดับ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้งอาจแลกด้วยสกอร์และแต้มสำคัญได้ทันที
อาร์เซนอลในเกมนี้เล่นด้วยวินัย แท็กติกแน่น ใช้ม้านั่งสำรองเปลี่ยนทิศทางเกมได้อย่างเฉียบคม ส่วนบาเยิร์นเองก็แสดงให้เห็นว่ามีดาวรุ่งอย่าง เลนนาร์ท คาร์ล ที่พร้อมแจ้งเกิดบนเวทียุโรป แต่ก็ยังต้องจัดการเรื่องสมาธิและคุณภาพในจังหวะสุดท้ายให้ดีกว่านี้
จากมุมของ GOALSIAM นี่คือหนึ่งในแมตช์ที่สะท้อนชัดว่า ฟุตบอลยุโรปยุคใหม่ไม่ได้มีแค่ “ชื่อชั้น” เป็นตัวตัดสินอีกต่อไป แผนการเล่น การหมุนเวียนตัว และรายละเอียดเล็ก ๆ ในเกมคือสิ่งที่แยกคำว่า “ดี” กับ “ยักษ์ใหญ่ตัวจริง” ออกจากกัน

เกล็ดความรู้จากเกม อาร์เซนอล 3-1 บาเยิร์น มิวนิค
- การสร้างสรรค์โอกาสจากลูกเซ็ตเพลย์อย่างเตะมุมยังคงเป็นอาวุธสำคัญของหลายทีมระดับท็อปในยุโรป และอาร์เซนอลก็ใช้ตรงนี้เล่นงานบาเยิร์นได้ชัดเจน
- ผู้รักษาประตูระดับโลกอย่างมานูเอล นอยเออร์ แม้อายุมากขึ้น แต่ยังมีจังหวะเซฟสำคัญที่ค้ำเกมให้ทีมอยู่เสมอ เกมนี้หากไม่มีเขา สกอร์อาจไหลมากกว่านี้
- การผลักดันดาวรุ่งอย่าง เลนนาร์ท คาร์ล ขึ้นมาเล่นในเกมใหญ่แสดงให้เห็นว่า บาเยิร์นยังยึดมั่นในปรัชญาปั้นเด็กผสมกับซูเปอร์สตาร์สายประสบการณ์
- สถิติที่บาเยิร์นแพ้เพียง 4 เกมจาก 53 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม/ลีกเฟส แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในเวทียุโรป แม้เกมนี้จะเป็นวันที่พลาดก็ตาม
- ความลึกของขุมกำลังคือกุญแจสำคัญสำหรับทีมที่หวังลุ้นแชมป์ทั้งลีกและยุโรป อาร์เซนอลโชว์ให้เห็นแล้วว่า ตัวสำรองอย่างมาดูเอเก้, คาลาฟิออริ และมาร์ติเนลลี่ สามารถเปลี่ยนเกมได้จริง
ใครที่อยากตามทุกจังหวะของบิ๊กแมตช์ยุโรป ทั้งข่าวสด แท็กติก และมุมมองเชิงลึกแบบจัดเต็ม อย่าลืมติดตาม ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM ให้แน่น ๆ เพราะเราจะพาคุณเกาะทุกเกมใหญ่ไม่มีตกเทรนด์ลูกหนัง