ดราม่าปิดเกม โรม่า ช็อกโดน นาโปลี แทงสวนเงียบคาบ้าน

ศึก กัลโช่ เซเรียอา ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก จบลงด้วยดราม่าช่วงท้ายเกม เมื่อ นาโปลี บุกมาคว้า ประตูชัย ใส่ โรม่า จากจังหวะโต้กลับเร็วที่แฟนหมาป่าเหลืองแดงยังคาใจทั้งสนาม เพราะต้นเรื่องมาจากจังหวะปะทะของ มานู คอเน่ กับ อาเมียร์ ราห์มานี่ บริเวณหน้าเขตโทษโรมา ก่อนบอลไหลไปเป็นจังหวะสวนกลับและถูกแปลงเป็นประตูโดย ดาบิด เนเรส

แม้ผู้ตัดสินจะปล่อยเกมไหลต่อเนื่อง และ VAR ไม่เรียกให้กลับไปดูจอข้างสนาม แต่หลังจบเกมเสียงวิจารณ์ก็ถาโถมทันที โดยเฉพาะจากฝั่งโรม่าและคอเน่เองที่มองว่าอย่างน้อยควรปล่อยให้ผู้ตัดสินได้ไปเช็กภาพอีกครั้ง

จังหวะปะทะต้นเรื่องก่อนประตู – ทำไมคอเน่ถึงไม่พอใจ VAR

จังหวะปัญหาเริ่มจากบอลอยู่หน้าเขตโทษโรม่า คอเน่ พยายามพลิกหนีตัวประกบ แต่ถูก ราห์มานี่ สไลด์เข้าปะทะด้านข้าง ตัวคอเน่เสียจังหวะล้มลง กรรมการมองว่าเป็นจังหวะเล่นโดนบอลและโบกมือให้เกมดำเนินต่อทันที

ไม่นานบอลก็ถูกแทงสวนกลับอย่างรวดเร็ว นาโปลีใช้จังหวะนี้บุกขึ้นไปจนจบสกอร์เป็น 0-1 ทำเอาแข้งโรม่าประท้วงสนั่น เพราะมองว่าต้นทางน่าจะเป็น ฟาวล์ มากกว่าจะปล่อยให้เล่นต่อ

หลังเกม มานู คอเน่ ให้สัมภาษณ์กับ DAZN Italia แบบไม่มีกั๊ก

“ผมรู้สึกได้เลยว่ามีการปะทะ มีคนแตะโดนผมแน่นอน แต่ผู้ตัดสินตัดสินใจแบบนั้น อย่างน้อยที่สุดผมคิดว่า มันควรเป็นจังหวะที่ให้กรรมการไปดู VAR อีกครั้ง มันน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่านี้”

คำพูดสั้นๆ แต่ชัดเจน ว่านักเตะโรม่ารู้สึก “เสียเปรียบ” จากการตัดสินใจครั้งนี้เต็มๆ

กูรูเปาชี้ชัด – เข้าบอลโดนก่อน ฟาวล์ไม่เข้าเกณฑ์ VAR

ฝั่งผู้ตัดสินเองก็ไม่ได้เงียบ ลูก้า มาเรลลี่ กูรูด้านผู้ตัดสินชื่อดังของอิตาลี ออกมาอธิบายจังหวะนี้แบบละเอียด โดยยอมรับว่ามีการปะทะจริง แต่สิ่งสำคัญคือ “ลำดับ” การโดนบอล

มาเรลลี่วิเคราะห์ว่า

  • ราห์มานี่ “สัมผัสโดนบอลก่อน” เห็นได้ชัดจากทิศทางของลูกฟุตบอลที่เปลี่ยน
  • หลังจากนั้นปลายสตั๊ดของเขาจึงไปโดนรองเท้าของคอเน่
  • ในมุมมองของกติกา ถือเป็นจังหวะเข้าบอลที่ “เคลียร์” และไม่รุนแรงเพียงพอจะเป็นฟาวล์

ด้วยเหตุนี้ VAR จึงไม่แทรกแซง เพราะมองว่าเป็นการตัดสินในสนามที่ “รับได้” ไม่เข้าข่ายความผิดพลาดร้ายแรงที่ต้องเรียกผู้ตัดสินไปดูจอ

มุมนี้ทำให้ฝั่งผู้ตัดสินรักษามาตรฐานตามกติกา แต่ในแง่ความรู้สึกแฟนบอล โดยเฉพาะฝั่งโรมา ก็ไม่แปลกที่ยังรู้สึกว่ามัน “เจ็บจี๊ด” อยู่ดี

เกมรุกโรม่าฝืด จบไม่ได้ – อีกปัญหาที่ใหญ่กว่าจังหวะ VAR

แม้ดราม่า VAR จะเป็นประเด็น แต่ คอเน่ เองก็ยอมรับว่า โรม่า มีปัญหาเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุกในแมตช์นี้อย่างชัดเจน

ตลอดเกม พวกเขามีโอกาสจะแจ้งไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะท้ายเกมที่ได้ลุ้นจากลูกยิงของโทมมาโซ่ บัลดันซี่ แต่ก็ถูกนายด่านนาโปลีเซฟเอาไว้ได้

คอเน่ชี้ว่า

  • โลเรนโซ่ เปลเลกรินี่ และ มาตีอัส ซูเล่ คือสองตัวรุกที่มีคุณภาพสูงที่สุดในสนาม
  • แต่ทั้งคู่ “ไม่ได้รับบอลในพื้นที่อันตรายมากพอ” เพราะการต่อบอลจากกลางไปหน้าของโรม่ายังติดขัด
  • การประกบของแนวรับนาโปลีแน่น และจัดการตัดจังหวะสุดท้ายได้ดีมาก

สรุปง่ายๆ คือ นาโปลีปิดเกมรับได้แน่น ส่วนโรม่าขาดความคมในพื้นที่สุดท้ายเองด้วย

ปัญหายาวของโรมา – ฟอร์มหลุดทุกครั้งเมื่อเจอทีมใหญ่

จุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับแฟน โรม่า ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ แต่คือ “แพตเทิร์นเดิมๆ” ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในซีซั่นนี้

โรม่าฤดูกาลนี้ในเกมใหญ่เจออะไรบ้าง

  • แพ้ อินเตอร์ 0-1
  • แพ้ เอซี มิลาน 0-1
  • แพ้ นาโปลี 0-1

แพ้ทีละลูก สกอร์ไม่ขาด แต่รูปเกมบอกชัดว่าพวกเขายังขาด “ของ” ในการปิดบัญชี และยังไม่ดีพอเมื่อเจอระดับท็อปของลีก

นี่คือภาพสะท้อนว่า โรม่ายังต้องยกระดับทั้งเรื่องแท็กติก เกมรุก และความนิ่งในจังหวะสำคัญ ถ้ายังอยากลุ้นพื้นที่ยุโรปหรือมากกว่านั้นในระยะยาว

สรุป – ดราม่า VAR มี แต่ปัญหาแท้จริงอยู่ที่โรมาเอง

หากมองแบบแฟร์ๆ จังหวะปะทะของคอเน่กับราห์มานี่ คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่ประตูชัยของนาโปลี และเข้าใจได้ว่า ทำไมฝั่งโรม่าถึงรู้สึกว่าอย่างน้อยควรให้กรรมการกลับไปเช็ก VAR ซ้ำ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่ กูรูผู้ตัดสิน ออกมายืนยันว่าราห์มานี่เข้าบอลโดนก่อน และไม่เข้าข่ายฟาวล์ร้ายแรง ก็ทำให้เห็นว่าดราม่าครั้งนี้อาจไม่ได้อยู่ในระดับ “การปล้นชัย” อย่างที่บางคนมอง

สิ่งที่ชัดกว่า VAR คือ

  • โรม่ายังขาดทีเด็ดเกมรุกในแมตช์ใหญ่
  • ทำเกมบุกได้น้อย โอกาสยิงจะแจ้งมีจำกัด
  • และเสียประตูจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกลงโทษอย่างเฉียบคม

สำหรับ นาโปลี เกมนี้คือชัยชนะสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงระเบียบเกมรับและความเฉียบคมในการเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุก ส่วนโรม่ายังต้องกลับไปทบทวนว่าจะแก้สมการเกมใหญ่ยังไงให้ได้ผลมากกว่านี้

เกล็ดความรู้สายบอลอิตาลี

  • ลีกอิตาลีอย่าง กัลโช่ เซเรียอา ขึ้นชื่อเรื่องแท็กติก เกมรับ และรายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลต่อผลการแข่งขัน จังหวะ 50-50 และการตัดสินของกรรมการจึงมักเป็นดราม่าแบบนี้อยู่เสมอ
  • หลายปีหลังมานี้ ระบบ VAR ถูกใช้ในอิตาลีอย่างเข้มข้น แต่หลักสำคัญคือ VAR จะไม่แทรกแซงทุกจังหวะ จะทำงานเฉพาะกรณีที่มองว่าเป็น “ความผิดพลาดชัดเจน” เท่านั้น
  • ทีมใหญ่อย่างโรม่า มักถูกจับตาเรื่องฟอร์มในเกมใหญ่เป็นพิเศษ เพราะการเจอ อินเตอร์, มิลาน, นาโปลี มักเป็นตัวชี้วัดว่า ทีมดีพอจะลุ้นพื้นที่ยุโรปหรือแชมป์ถ้วยอื่นๆ หรือไม่
  • จังหวะฟาวล์ก่อนประตูกลายเป็นประเด็นซ้ำๆ ในฟุตบอลยุคใหม่ แฟนบอลจึงควรรู้กติกาเกี่ยวกับ “การเข้าบอลโดนก่อน-โดนทีหลัง” เพื่อช่วยมองเกมได้ชัดขึ้น ไม่ใช่แค่ตามอารมณ์เชียร์ทีมรัก

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล…อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM