ไมนซ์ประกาศแยกทางโค้ชด็อกรายกลางฤดูกาล

สโมสร ไมนซ์ 05 ตัดสินใจเปลี่ยนเข็มทิศแบบไม่รอจบฤดูกาล ประกาศยืนยันปลด โบ เฮนริคเซ่น ออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชเป็นที่เรียบร้อย มีผลทันที ภายใต้คำอธิบายว่าเป็น “การตกลงแยกทางกันด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย” ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์สโมสร

การเปลี่ยนแม่ทัพครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์อึดอัดของทีมในศึก บุนเดสลีกา ฤดูกาลปัจจุบัน เมื่อไมนซ์หล่นไปรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง และไม่ชนะใครเลยนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน ทำให้บอร์ดบริหารไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากต้องขยับหมากสำคัญในตำแหน่งกุนซือ

เส้นทางของโบ เฮนริคเซ่น: จากฮีโร่หนีตกชั้นสู่ประตูทางออก

หากมองย้อนกลับไป เส้นทางของ โบ เฮนริคเซ่น กับไมนซ์ไม่ได้เริ่มต้นแบบธรรมดา เขาเข้ามารับงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ตอนที่ทีมกำลังดิ้นรนหนีโซนตกชั้น และบรรยากาศในสโมสรเต็มไปด้วยความกดดัน

แต่เฮดโค้ชชาวเดนมาร์กวัย 50 ปี กลับพลิกสถานการณ์ได้อย่างน่าทึ่ง พาไมนซ์โกยแต้มสำคัญในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 13 แบบหายใจโล่ง ถือเป็นการ “เอาชีวิตรอด” ที่ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในชั่วข้ามคืน

ฤดูกาลถัดมา 2024/25 เขาไม่ได้หยุดแค่การพาทีมอยู่รอด แต่ยกระดับไมนซ์ไปถึงดินแดนเหนือความคาดหมาย ด้วยการพาทีมจบอันดับ 6 ในลีก คว้าตั๋วลุย ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก แบบสุดเซอร์ไพรส์ กลายเป็นหนึ่งในซีซั่นที่ถูกยกให้เป็น “ปีทอง” ของสโมสรในยุคใหม่

ฟอร์มรูดหนัก! เหตุผลสำคัญที่ทำให้ไมนซ์ต้องขยับ

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลไม่เคยใจดีเสมอไป ฤดูกาลปัจจุบันผลงานของไมนซ์หล่นวูบแบบน่าใจหาย ทีมไม่ชนะใครเลยตั้งแต่กลางกันยายน ฟอร์มตกอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายร่วงไปอยู่ก้นตารางของ บุนเดสลีกา

สถานการณ์แบบนี้ไม่เพียงกระทบเรื่องผลการแข่งขัน แต่ยังสั่นคลอนความมั่นใจทั้งในห้องแต่งตัวและบนอัฒจันทร์ เมื่อระยะทางระหว่างความสำเร็จในปีที่แล้วกับความผิดหวังในปีนี้ใกล้กันเกินไป ทำให้ฝ่ายบริหารเชื่อว่าจำเป็นต้องมี “จุดเปลี่ยน” ใหม่ในตำแหน่งเฮดโค้ช

คำอำลาสุดอบอุ่นจากโบ เฮนริคเซ่น

แม้จะต้องจากกันกลางฤดูกาล แต่โทนคำพูดของ โบ เฮนริคเซ่น เต็มไปด้วยความเคารพและซาบซึ้งใจต่อสโมสร เขากล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ไมนซ์ 05 เป็น “สโมสรที่ยอดเยี่ยม มีผู้คนที่ยอดเยี่ยม และแฟนบอลที่มหัศจรรย์” พร้อมยอมรับว่าทั้งเขาและทีม “ต่อสู้อย่างเต็มที่” แต่ไม่สามารถรักษาความสำเร็จในระดับเดิมไว้ได้ในปีนี้

โบ ฝากคำขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและการร่วมงานตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และอวยพรให้ทีมเดินหน้าต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งในฤดูกาลที่ยังเหลืออยู่ นี่คือการอำลาที่แม้จะเจ็บปวด แต่เต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพของกุนซือสายเมนทัลอย่างแท้จริง

ฮอฟฟ์มันน์ขึ้นขัดตาทัพ ไมนซ์เตรียมเปิดบ้านดวลกลัดบัค

หลังการแยกทางอย่างเป็นทางการ ไมนซ์ไม่ปล่อยให้ตำแหน่งว่างนาน สโมสรแต่งตั้ง เบนยามิน ฮอฟฟ์มันน์ เฮดโค้ชทีม U23 ขึ้นมาทำหน้าที่กุนซือรักษาการของทีมชุดใหญ่จนกว่าจะถึงช่วงพักเบรกฤดูหนาว

งานแรกของฮอฟฟ์มันน์ไม่ง่าย เพราะไมนซ์มีคิวสำคัญต้องเปิดบ้านรับมือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในเกมลีกวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเป็นแมตช์ที่ใช้วัดทั้งทิศทางใหม่ของทีม และบรรยากาศในรั้วสโมสรหลังยุคเฮนริคเซ่น

เกล็ดความรู้: วัฒนธรรมเด้งโค้ชในบุนเดสลีกาและบทบาทโค้ช U23

  1. บุนเดสลีกาเป็นลีกที่เปลี่ยนโค้ชบ่อยกว่าที่คิด
    ต่อให้ไม่หนักเท่าพรีเมียร์ลีก แต่หลายสโมสรในเยอรมนีก็ขึ้นชื่อเรื่องการ “ขยับเก้าอี้” เมื่อผลงานสวนทางกับเป้าหมาย เพราะเงินรางวัล, สิทธิ์เล่นบอลยุโรป และอนาคตของสโมสรผูกกับอันดับในตารางโดยตรง
  2. โค้ช U23 มักเป็นตัวเลือกขัดตาทัพที่เหมาะสมที่สุด
    การดันเฮดโค้ชทีมสำรองขึ้นมารักษาการ มักเป็นทางเลือกแรกๆ ของหลายสโมสร เพราะรู้จักระบบ, นักเตะดาวรุ่ง และโครงสร้างสโมสรมาก่อนอยู่แล้ว ทำให้เปลี่ยนผ่านง่ายกว่าดึงคนนอกเข้ามาทันที
  3. จากฮีโร่สู่แรงกดดัน – วงจรปกติของกุนซือยุคใหม่
    เฮนริคเซ่นคือภาพชัดเจนของกุนซือที่เคยเป็นฮีโร่หนีตกชั้นและพาทีมไปเล่นบอลยุโรป แต่ปีถัดมาผลงานสะดุดก็กลายเป็นผู้ต้องรับผิดชอบ นี่คือธรรมชาติของฟุตบอลอาชีพที่โค้ชต้องยอมรับให้ได้
  4. ฟอร์มปีเดียวไม่การันตีระยะยาว
    การจบอันดับ 6 และได้ตั๋ว ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สำหรับทีมอย่างไมนซ์ แต่หากปีต่อมาทีมรูดฟอร์มลงอย่างชัดเจน บอร์ดบริหารจึงมองว่า “อนาคต” สำคัญกว่าความทรงจำในอดีต
  5. แฟนบอลคือแรงกดดันและแรงผลักดันในเวลาเดียวกัน
    ในเยอรมนี แฟนบอลมีบทบาทสูงมากในบรรยากาศสโมสร ทั้งในแง่การหนุนหลังและการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องของบอร์ดอย่างเดียว แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าทีมยังไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมในลีก

ติดตามทุกมุมมองเข้มข้นจากโลกฟุตบอลยุโรป ไม่ว่าจะเป็นข่าวโค้ชเด้ง, ตลาดนักเตะ หรือบทวิเคราะห์เกมใหญ่ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM