สงครามคำพูดเดือด! ผู้ตัดสินสเปนตอบโต้ประธานเรอัล มาดริด

ดราม่าบนเวทีลูกหนังสเปนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อสหภาพผู้ตัดสินอย่าง สมาพันธ์ผู้ตัดสินฟุตบอลสเปน (AESAF) ออกแถลงการณ์ฉบับยาว ตอบโต้คำพูดของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรยักษ์ใหญ่ เรอัล มาดริด ที่ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีมาตรฐานการทำหน้าที่ของ ผู้ตัดสินสเปน อย่างดุเดือด พร้อมพาดพิงไปถึงคดีอื้อฉาว เนเกรย์ร่า ที่เคยสั่นสะเทือนวงการลูกหนังกระทิงดุ

ฝั่งราชันชุดขาวแสดงความไม่พอใจเรื่องการตัดสินในเกม ลาลีกา มาพักใหญ่แล้ว ทั้งจากนักเตะ เฮดโค้ช ไปจนถึงสื่อประจำสโมสร ก่อนที่ล่าสุด เปเรซ จะออกมาอัดแรงใส่ทั้งระบบผู้ตัดสิน และโยงไปถึง “เงา” ของคดีเนเกรย์ร่า ว่ายังส่งผลในปัจจุบัน

แต่รอบนี้ ไม่ใช่แค่เสียงบ่นจากสนาม เพราะ AESAF เลือก “สวนกลับ” แบบตรงไปตรงมา ผ่านแถลงการณ์ที่ชัดเจนว่า พวกเขา “ไม่อาจยอมรับ” ข้อกล่าวหาที่มองผู้ตัดสินเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องทุจริต

ใจความหลักของแถลงการณ์ AESAF – ไม่ยอมให้ใครมาทำลายศักดิ์ศรี

ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ AESAF ระบุชัดว่า คำพูดของ เปเรซ สร้าง “ความเสียหายอย่างรุนแรง” ต่อเกียรติและชื่อเสียงของกลุ่มผู้ตัดสิน รวมถึงภาพลักษณ์ของฟุตบอลสเปนโดยรวม

พวกเขายืนยันว่า ผู้ตัดสินทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เป็นมืออาชีพ และยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุด ไม่อาจยอมรับการเหมารวมว่าเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ย้ำว่า ในคดีเนเกรย์ร่า “ไม่มีผู้ตัดสินคนใดถูกตั้งข้อหา หรือถูกสอบสวนโดยตรงตลอดกระบวนการ” ดังนั้น ข้อกล่าวหาเรื่อง “คอร์รัปชันฝั่งผู้ตัดสิน” จึงเป็นสิ่งที่ AESAF ไม่อาจยอมรับได้โดยเด็ดขาด

เนเกรย์ร่าอีกครั้ง! สหภาพผู้ตัดสินชี้แจง “เรายังบริสุทธิ์”

หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบมาพูดมากที่สุด คือคดี เนเกรย์ร่า ที่เคยโยงชื่อสหพันธ์และวงการผู้ตัดสินสเปนให้ตกเป็นข่าวไปทั่วโลก

AESAF จึงออกมาเน้นย้ำอีกครั้งว่า

  • ตลอดกระบวนการในคดีดังกล่าว
  • ไม่มีผู้ตัดสินคนใดถูกฟ้อง หรือถูกตั้งข้อหาทางกฎหมาย
  • หลักการ “สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ต้องถูกเคารพ

พวกเขามองว่าการนำคดีนี้มาโยนใส่ผู้ตัดสินทั้งกลุ่ม โดยไม่มีหลักฐานเจาะจง เป็นการสร้างภาพลบ และอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดอย่างรุนแรง

ไม่รับบทแพะ! ผู้ตัดสินย้ำ “ผลการแข่งขัน อยู่ที่ในสนาม ไม่ใช่ที่กรรมการ”

หนึ่งในประโยคสำคัญที่ AESAF ใส่ไว้ในแถลงการณ์ คือการยืนยันว่า ฟุตบอล “แพ้–ชนะ” กันในสนาม ไม่ใช่แพ้–ชนะเพราะผู้ตัดสิน

พวกเขาระบุว่า การโยนความผิดให้ผู้ตัดสินทุกครั้งที่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมกับคนทำงานในสนาม และบั่นทอนความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อระบบทั้งแพ็ก

ในส่วนนี้ AESAF ยังแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ตัดสินทุกคน โดยเฉพาะ ปาโบล กอนซาเลซ ฟวยร์เตส ที่ถูกวิจารณ์จากฝั่ง เรอัล มาดริด ว่าถูกกล่าวหาหนักเกินจริง และควรได้รับความเคารพทั้งในฐานะมืออาชีพและในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

ดราม่าลากยาวถึง โกปา เดล เรย์ – AESAF บอก “คำกล่าวหานั้นคือเรื่องเท็จ”

แถลงการณ์ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ในรอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ฤดูกาล 2024/25 ที่มีการกล่าวหาว่า มี “การข่มขู่” หรือ “การคุกคาม” ผู้ตัดสินจากฝั่งที่เกี่ยวข้องกับ เรอัล มาดริด

AESAF ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า ข้อกล่าวหานั้น “ไม่สอดคล้องกับความจริง และถือเป็นเรื่องเท็จอย่างน้อยในระดับหนึ่ง”

แท้จริงแล้ว สิ่งที่ผู้ตัดสินพยายามสื่อในวันนั้น คือการเตือนว่า ความรุนแรงต่อผู้ตัดสินและครอบครัว ในทุกระดับของฟุตบอลสเปนกำลังอยู่ในจุดที่ “ยอมรับไม่ได้” ดังนั้น คำพูดของพวกเขาคือการขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดความเกลียดชัง ไม่ใช่การสร้างปัญหาเพิ่ม

ชี้ชัดถึงผลกระทบ – คำพูดจากสโมสรใหญ่ จุดไฟความเกลียดชัง

หนึ่งในจุดที่แถลงการณ์ “แทงใจดำ” คือการระบุว่า การที่สโมสรระดับใหญ่ยังคงให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ “บิดเบือนข้อเท็จจริง” อาจสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อการแข่งขันในประเทศ

AESAF เตือนว่าคำพูดจากสโมสรที่มีอิทธิพลอย่าง เรอัล มาดริด สามารถผลักดันให้แฟนบอลบางส่วนเชื่อว่า ผู้ตัดสินคือ “คู่แข่ง” หรือ “ศัตรู” ของทีมรัก ซึ่งเสี่ยงจะนำไปสู่

  • การโจมตีด้วยคำพูดในโซเชียล
  • บรรยากาศกดดันในสนาม
  • และอาจลามไปถึงความรุนแรงนอกสนาม

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สหภาพผู้ตัดสินยืนยันว่า “รับไม่ได้โดยเด็ดขาด”

เกราะป้องกันสุดท้าย – ย้ำหลัก “สันนิษฐานว่าบริสุทธิ์” ให้ผู้ตัดสิน

ท้ายแถลงการณ์ AESAF พยายามดึงเรื่องกลับเข้าสู่กรอบของกฎหมายและความเป็นมืออาชีพ พวกเขาย้ำว่า

  • ในกระบวนการคดีเนเกรย์ร่า ยังไม่มีผู้ตัดสินคนไหนถูกชี้ตัวว่ามีความผิด
  • การกล่าวหาว่าระบบผู้ตัดสิน “โกง” หรือ “ลำเอียง” โดยไม่มีหลักฐานชัดเจน เป็นการทำลายหลักการยุติธรรมขั้นพื้นฐาน
  • สังคมฟุตบอลควรเคารพ “หลักการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ก่อนจะตัดสินใครเพียงจากอารมณ์หรือความไม่พอใจผลการแข่งขัน

ทำงานร่วมสโมสร–สหพันธ์–VAR แต่ไร้เงามาดริดในเวทีปรับปรุงผู้ตัดสิน

อีกประเด็นน่าสนใจ คือ AESAF เผยว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลสเปน (RFEF) และตัวแทนสโมสรอาชีพ ผ่าน คณะกรรมการปฏิรูปผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นเวทีที่ใช้ฟังข้อเสนอแนะ วิเคราะห์ปัญหา และร่วมกันหาทางพัฒนามาตรฐานการตัดสิน

  • มีการพูดคุยเรื่องการใช้ VAR
  • การปรับรูปแบบ โปรโตคอลการรีวิว
  • การลดช่องว่างความผิดพลาดจากมนุษย์ให้เหลือน้อยที่สุด

แต่ในรายงานของ AESAF ระบุว่า ในการประชุมล่าสุด เรอัล มาดริดไม่ได้เข้าร่วม ซึ่งทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า หากสโมสรต้องการโวยเรื่องผู้ตัดสิน ทำไมจึงไม่เข้าร่วมโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ

เกล็ดความรู้: ดราม่าผู้ตัดสิน–สโมสรใหญ่ ในวงการลูกหนัง

  • สโมสรใหญ่ทั่วโลกมักมีประวัติ “ปะทะคารม” กับผู้ตัดสินเสมอ เมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นใจ
  • คดีอย่าง เนเกรย์ร่า ในสเปน หรือดราม่าบางคดีในลีกอื่นๆ มักถูกใช้เป็น “อ้างอิง” เวลาแฟนบอลรู้สึกว่าทีมตัวเองเสียเปรียบ
  • ฝั่งผู้ตัดสินมักเรียกร้องให้แยก “ความผิดพลาดจากมนุษย์” กับ “การโกงโดยเจตนา” ออกจากกันอย่างชัดเจน
  • การโจมตีผู้ตัดสินต่อเนื่อง ทั้งจากสโมสรและแฟนบอล อาจทำให้คนรุ่นใหม่ “ไม่อยากเป็นกรรมการ” ส่งผลระยะยาวต่อคุณภาพวงการ

บทสรุป – ดราม่าที่ยังไม่จบง่าย ระหว่างราชันกับทีมผู้ตัดสิน

กรณีนี้ไม่ใช่ดราม่าธรรมดา แต่เป็น “สงครามนาราทีฟ” ระหว่างฝ่ายที่รู้สึกว่าตัวเอง “โดนปล้นชัย” กับฝ่ายที่ขอปกป้องศักดิ์ศรีของอาชีพผู้ตัดสิน

ฝั่ง เรอัล มาดริด ยังคงตั้งคำถามถึงมาตรฐานการทำหน้าที่ใน ลาลีกา ขณะที่ฝั่ง AESAF ก็ยืนยันว่าพวกเขาไม่ยอมรับข้อกล่าวหาเรื่อง “คอร์รัปชันในหมู่ผู้ตัดสิน” โดยไม่มีหลักฐาน

เรื่องนี้ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย แต่เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของดราม่าลูกหนังแดนกระทิงดุ ที่แฟนบอลทั้งโลกจับตามองว่า ใครกันแน่คือฝ่ายที่ “เกินเลย” ไปจากเกมกีฬา

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะเดือดของฟุตบอลยุโรป ดราม่าผู้ตัดสิน คดีฉาวในวงการลูกหนัง และเรื่องสุดเข้มข้นหลังฉาก…อย่าลืมติดตามทุกมุมมองมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM