ปี 2025 ที่บีบคั้น “ทีมชาติอิตาลี” จนแทบหายใจไม่ออก
ถ้าจะบอกว่า 2025 คือปีที่ ทีมชาติอิตาลี ถูกลากขึ้นเขาแล้วปล่อยไหลลงเหว ก็คงไม่เกินจริง “อัซซูรี่” โดนบทเรียนเจ็บๆ จากความพ่ายแพ้แบบขาดลอยต่อ นอร์เวย์ ถึงสองครั้ง กลายเป็นภาพจำที่แฟนบอลไม่อยากเปิดดูซ้ำ ต่อให้มีชัยชนะบางนัดที่ดูเป็นงานปกติ หรือเกมสุดเหวี่ยงกับอิสราเอลมาคั่น ก็ยังไม่พอจะลบความรู้สึกว่าทีมกำลัง “หลงทาง”
ยังไม่หมดแค่นั้น พวกเขายังโดนเยอรมนีเขี่ยตกรอบในรายการ เนชั่นส์ ลีก แบบดุเดือด ซึ่งย้ำให้ชัดว่าอิตาลีชุดนี้ไม่ได้มีความมั่นคงเหมือนอดีตอีกต่อไป
เปลี่ยนกุนซือกลางทาง: จากสปัลเล็ตติ สู่กัตตูโซ่
ในความปั่นป่วนทั้งหมด สมาคมตัดสินใจแยกทางกับ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ แล้วหันไปหา “คนที่กัดฟันสู้เป็นอาชีพ” อย่าง ริโน่ กัตตูโซ่ อดีตกองกลางจอมเดือดที่คาแรกเตอร์แรงเหมือนใบมีด และเชื่อว่าปลุกความกระหายได้ทันที
ช่วงแรกผลลัพธ์ดูดีพอให้พอใจ แต่พอเจอ “การเช็กความจริง” โดยเฉพาะเกมที่ต้องวัดกับกลุ่มของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ทำให้เห็นว่า งานของกัตตูโซ่ยังหนัก และคำว่า “ไปฟุตบอลโลก 2026” ไม่ได้เป็นตั๋วฟรีที่เดินเข้าไปรับได้ง่ายๆ

เป้าหมายเดียวที่ห้ามพลาด: ตั๋วบอลโลก 2026
สำหรับอิตาลี การพลาด ฟุตบอลโลก 2026 ที่จัดใน เม็กซิโก, แคนาดา และสหรัฐฯ จะเป็นหายนะทางศักดิ์ศรี และแน่นอนว่าจะลากเอาคำถามเรื่องการปฏิรูปในสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีกลับมาปะทุอีกครั้ง
เส้นทางข้างหน้าก็ไม่ใช่การเดินเล่นในสวน—อิตาลีต้องผ่านด่านสำคัญ เริ่มจากเล่นในบ้านกับ ไอร์แลนด์เหนือ ก่อนจะต้องออกไปเยือนผู้ชนะระหว่าง เวลส์ หรือ บอสเนีย ซึ่งจากฟอร์มและสภาพทีมตอนนี้ ไม่มีเกมไหนที่พูดได้เต็มปากว่า “ง่าย” แม้จะเป็นชาติที่เคยได้แชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัยก็ตาม
คำอวยพรข้อแรกของกัตตูโซ่: ขออย่าเจ็บ ขออย่าขาดตัวหลัก
สิ่งที่กัตตูโซ่คงขอเป็นอันดับแรก คือ “อย่าให้ใครเจ็บเพิ่ม” เพราะช่วงชี้ชะตา แค่เสียตัวหลักกลางสนามอย่าง ซานโดร โตนาลี่ หรือ นิโคโล่ บาเรลล่า ก็เหมือนโดนทุบหัวก่อนลงสนาม—เสียสมดุล เสียจังหวะ เสียหัวใจเกม
ไม่แปลกที่เราเห็นเขาไปนั่งตามสนาม เซเรีย อา แทบทุกสัปดาห์ เหมือนคนที่กำลังดูแลระเบิดเวลาอยู่ในมือ ขอแค่ไม่มีใครโดนเสียบแบบหนักๆ สไตล์ที่ตัวเขาเองเคยทำในสมัยเป็นนักเตะก็พอ
งานใหญ่ที่ต้องรีบแก้: แนวรับอิตาลีต้องกลับมามี “เขี้ยว”
น่าประหลาดใจที่สุดคือ “อิตาลีดันมีปัญหาเกมรับ” ทั้งที่ประเทศนี้ถูกยกย่องเรื่องศิลปะการป้องกันมาเป็นรุ่นๆ แต่ช่วงหลังแนวหลังดูเหมือนขาดชิ้นส่วนบางอย่าง ทั้งการยืนตำแหน่ง ความเด็ดขาด และความน่าเกรงขาม
แม้จะมีผู้เล่นที่ดูดีในรายชื่อ แต่ภาพรวมยังไม่เป็นกำแพงที่ใครเห็นแล้วอยากหันกลับบ้าน กัตตูโซ่จึงต้องสร้าง “การปฏิวัติแบบนิ่มๆ” ให้แนวรับพัฒนาเป็นหน่วยที่ทำให้กองหน้าคู่แข่งรู้สึกอึดอัดตั้งแต่ยังไม่ทันจับบอล และถ้าฐานแน่นขึ้น ทีมก็มีโอกาสไปไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มในบอลโลก ไม่ใช่แค่ไปให้ครบพิธี

เติมเลือดใหม่ให้ทันเวลา: อย่าให้ทีมแก่ก่อนแข่งจริง
อีกอย่างที่จำเป็นคือ “ความสดใหม่” ทีมชุดนี้มีแกนหลักที่แข็งพอใช้ แต่ชัดเจนว่าต้องการการผลัดใบ และการได้เห็นดาวรุ่งอย่าง ฟรานเชสโก้ ปิโอ เอสโปซิโต้ ได้โอกาสลงเล่นกับอินเตอร์มากขึ้น จะเป็นแรงหนุนสำคัญ
อิตาลีช่วงหลังผลงานระดับเยาวชนถือว่าไม่ได้แย่ แต่ปัญหาใหญ่คือโอกาสใน เซเรีย อา มันไม่มากพอ จนหลายคนต้องออกไปหาทางเติบโตต่างแดน ซึ่งท้ายที่สุด “เด็กที่ไปเกิดนอกบ้าน” อาจต้องถูกเรียกกลับมาเป็นคำตอบของทีมชาติ
หน้าเป้าเป็นความหวัง: เคน กับ เรเตกี ต้องยิงต่อเนื่อง
ในแง่เกมรุก กัตตูโซ่เหมือนเจอทางสว่างอย่างหนึ่ง นั่นคือการยืนกรานให้ โมอิเซ่ เคน เล่นคู่ มาเตโอ เรเตกี พร้อมกัน และมันเริ่มให้ผลตอบแทนเป็นประตู
สิ่งที่เขาหวังคงง่ายๆ แต่โคตรสำคัญ—ขอให้ทั้งคู่ฟิตต่อเนื่อง และขอให้ฟิออเรนติน่ากลับมามีโมเมนตัม เพื่อให้ “ตัวความหวัง” ของทีมชาติไปถึงช่วงเกมสำคัญเดือนมีนาคมด้วยความมั่นใจมากกว่าที่เป็นอยู่
ปริศนาที่ต้องคลี่: เฟเดริโก้ เคียซ่า จะกลับมาเป็น “เคียซ่าโหมดพีค” ได้ไหม
สุดท้ายคือโจทย์ที่ทั้งอิตาลีปวดหัว—เฟเดริโก้ เคียซ่า นับจากยูโร 2020 ที่ระเบิดฟอร์มจนโลกจำได้ ก็ผ่านมานานกว่า 4 ปีแล้ว และอิตาลีโคตรต้องการ “เวอร์ชันนั้น” กลับมา
ปัญหาคือปัจจุบัน ตัวเลือกริมเส้นของอิตาลียังไม่มีใครให้ความดุดันและการลากทะลุเหมือนเคียซ่าช่วงพีค แต่อีกด้านก็ต้องดูว่าเขาจะมีโอกาสมากแค่ไหนกับลิเวอร์พูล และเขามองบทบาทของตัวเองกับทีมชาติอย่างไร
สายโทรศัพท์ระหว่างนักเตะกับโค้ชน่าจะเปิดคุยกันได้เสมอ แต่เวลามันเดินเร็ว และถ้าจะตัดสินใจ “เอาไม่เอา” ต้องทำให้ชัดก่อนเกมชี้ชะตาจะมาถึง

บทสรุป: เกมเพลย์ออฟฤดูใบไม้ผลิคือคำตอบว่าอิตาลียังเป็นมหาอำนาจได้หรือไม่
ช่วงเทศกาลนี้ ความคิดทั้งหมดคงวิ่งอยู่ในหัวกัตตูโซ่แบบไม่พัก เขาอยากให้ลีกทั้งในอิตาลีและต่างประเทศช่วยส่ง “คำตอบ” มาให้—ทั้งนักเตะที่ฟอร์มขึ้น เด็กใหม่ที่กล้าชน และแผนที่ทำให้ทีมกลับมาน่าเกรงขาม
อิตาลีอาจไม่ได้เข้าสู่เกมชี้ชะตาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย แต่เกมเหล่านั้นจะเป็น “รากฐาน” ในการกอบกู้ภาพลักษณ์ของหนึ่งในชาติยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอล โลกจะได้คำตอบว่า กัตตูโซ่ใช่คนที่พาอิตาลีกลับไปยืนบนเวทีที่คู่ควรหรือไม่…ในสองบททดสอบฤดูใบไม้ผลิ เราจะรู้กัน
เกล็ดความรู้
- คำว่า “อัซซูรี่” (Azzurri) คือฉายาของทีมชาติอิตาลี มาจากสีฟ้าเอกลักษณ์บนชุดแข่ง
- ระบบเพลย์ออฟรอบคัดเลือกมักเป็นเกมที่ “ความนิ่ง” สำคัญพอๆ กับคุณภาพทีม เพราะพลาดนิดเดียวคือจบ
- อิตาลีขึ้นชื่อเรื่องเกมรับระดับตำนานจากวัฒนธรรม “คาเตนัชโช่” ที่เน้นวินัยและความแน่น
- การมีคู่กองหน้าที่เล่นเข้าขากัน ช่วยลดภาระเกมรุกและเพิ่มทางเลือกในการเข้าทำโดยไม่ต้องพึ่งมิดฟิลด์มากเกินไป
ติดตามข่าวฟุตบอลต่างประเทศแบบเข้มข้น จัดเต็มประเด็นร้อนก่อนใคร ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM