ช่องว่างหลังการจากไปของมาร์ติเนซ ที่ทำให้ฟลิคต้องหาทางออกใหม่
การย้ายออกของ อินญิโก้ มาร์ติเนซ ในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทิ้ง “หลุมใหญ่” ไว้กลางแนวรับของ บาร์เซโลน่า แบบไม่ต้องอธิบายเยอะ เพราะฤดูกาลก่อนแนวรับชุดนั้นคือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของทีมชุดกวาดสามแชมป์ในประเทศ และการหายไปของตัวคุมจังหวะเกมรับที่อ่านเกมไว สั่งไลน์ได้ และยืนตำแหน่งนิ่ง ๆ มันกระเทือนทั้งระบบ
นี่คือโจทย์ตรงหน้าของ ฮันซี่ ฟลิค ที่ต้องหาคู่หูที่ “ใช่” เพื่อยืนข้าง เปา คูบาร์ซี่ ให้ได้เร็วที่สุด เพราะเมื่อความมั่นคงของแนวรับหายไป เกมรุกจะบุกให้สนุกแค่ไหนก็เสี่ยงโดนสวนกลับจนเสียทรงอยู่ดี
ลองมาแล้วหลายทาง แต่สถานการณ์บีบให้ต้องคิดนอกกรอบ
ฟลิคเคยลองให้โรนัลด์ อเราโฮ ยืนคู่ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ทุกเกมทุกจังหวะ บางนัดดี บางนัดระบบไม่ลงล็อก
เอริก การ์เซียเองทำได้ดีในบทบาทแนวรับ แต่ช่วงหลังทีมโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องดึงเขาไปช่วยแดนกลาง ความจำเป็นเลยผลักให้บาร์เซโลน่าต้องมองตัวเลือกใหม่แบบจริงจัง
และในจังหวะที่หลายคนคาดว่าจะต้องไปหาคนใหม่จากตลาด หรือขยับตัวหลักมาแก้ขัด ฟลิคกลับเลือก “ทางที่คนไม่ค่อยเห็น” นั่นคือการดัน เจอราร์ด มาร์ติน แบ็กซ้ายวัย 23 ปี ให้รับบท เซ็นเตอร์แบ็ก ฝั่งซ้ายในระบบหลังสี่ ซึ่งกลายเป็นการทดลองที่ “ออกผลเกินคาด”
มาร์ตินกับบทบาทเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว
รายงานจาก MARCA เผยเบื้องหลังว่า ตำแหน่งนี้ไม่ใช่โลกใบใหม่ของมาร์ตินทั้งหมด สมัยเล่นให้กอร์เนญ่า เขาเคยถูกใช้งานเป็นเซ็นเตอร์บ่อยครั้ง เพียงแต่เป็นเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายในระบบกองหลังสาม ซึ่งช่วยให้เขาคุ้นกับการยืนป้องกันพื้นที่ด้านข้าง การคุมไลน์ และการดวลตัวต่อตัวในพื้นที่กว้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงปรีซีซั่น สตาฟฟ์ของบาร์ซ่าก็เคยทดลองใช้เขาในบทบาทนี้มาแล้ว และสิ่งที่เห็นชัดตั้งแต่ตอนนั้นคือ
- ลูกกลางอากาศแข็งแรง อัตราชนะดวลค่อนข้างสูง
- เล่นบอลจากแนวลึกได้ ไม่ตื่นเวลาโดนเพรส
- เกมรับแบบ 1v1 ไว้ใจได้ในหลายสถานการณ์
สิ่งเหล่านี้คือ “พื้นฐาน” แต่ความยากจริงคือการยืนเซ็นเตอร์ในแผงหลังสี่ ซึ่งต้องละเอียดกว่าหลังสาม ทั้งระยะห่างกับฟูลแบ็ก การขยับไลน์พร้อมกัน และการอ่านจังหวะคู่แข่งที่จะเจาะครึ่งช่อง

งานพิเศษหลังกล้อง: วิดีโอเซสชันที่ทำให้มาร์ตินยืนหลังสี่ได้เนียนขึ้น
เพื่อให้การยืนเซ็นเตอร์ในหลังสี่ “ไม่หลุดคอนเซ็ปต์” มาร์ตินทำงานเพิ่มหนักในวิดีโอเซสชัน เขาศึกษาการเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีมในหลายเกม หลายเฟสของการเล่น ไล่ดูคลิปของคูบาร์ซี่, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เอริก, และอเราโฮ เพื่อจับจุดแข็งของแต่ละคน แล้วนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง
แต่ต้นแบบที่สำคัญที่สุดกลับเป็นมาร์ติเนซ เพราะเป็นเซ็นเตอร์ถนัดเท้าซ้ายเหมือนกัน แถมมีความเข้าใจในการยืนคู่กับคูบาร์ซี่ และแสดงความเป็นผู้นำในสนามได้ชัดเจน มาร์ตินจึงยึดแนวทางนั้นเป็น “แบบฝึกหัด” เพื่อทำให้การยืนตำแหน่งและการสั่งเกมรับออกมาคมขึ้นกว่าเดิม
อีกประเด็นที่เขาโฟกัสเป็นพิเศษคือการกดไลน์และสั่ง กับดักล้ำหน้า ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ถ้าพลาดครั้งเดียวอาจเสียประตูทันที รายงานระบุว่าเขาทำงานกับจุดนี้ต่อเนื่องตลอดเดือนครึ่งที่ผ่านมา
จากเกมเจอแอธเลติก ถึงยึดตัวจริง: ผลลัพธ์ที่ฟลิคได้จากการกล้าลอง
นับตั้งแต่ถูกขยับไปยืนเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายครั้งแรกในเกมพบแอธเลติก คลับ มาร์ตินกลายเป็นตัวเลือกที่ฟลิคใช้งานต่อเนื่องทันที เขาได้ออกสตาร์ต 7 จาก 9 นัดหลังจากนั้น โดยหลุดไปนั่งสำรองแค่เกมกับเชลซี และ ซีดี กวาดาลาฮาราเท่านั้น
การยืนระยะในช่วงสำคัญแบบนี้มันไม่ได้เกิดจากดวง แต่มาจาก “ความไว้ใจ” ที่โค้ชเห็นว่าเด็กคนนี้ทำตามแท็กติกได้จริง ยืนตำแหน่งไม่หลุดง่าย และช่วยให้ทีมเล่นบอลจากแดนหลังได้ลื่นขึ้นในหลายจังหวะ
สรุป
การเสียมาร์ติเนซคือปัญหาใหญ่ของบาร์เซโลน่าในเชิงโครงสร้างเกมรับ แต่การงัด “มาร์ติน” ขึ้นมาปิดรูรั่ว กลับกลายเป็นหนึ่งในเรื่องบวกที่สุดของทีมในช่วงหลัง เพราะจากแบ็กซ้ายที่หลายคนมองเป็นตัวประกอบ วันนี้เขากำลังกลายเป็นคำตอบในแนวรับที่ฟลิคตามหา และถ้าฟอร์มยังนิ่งแบบนี้ต่อไป การยึดตำแหน่งระยะยาวในเวที ลา ลีกา ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
เกล็ดความรู้
- เซ็นเตอร์ถนัดเท้าซ้ายมีความสำคัญมาก เพราะช่วยเปิดมุมจ่ายบอลออกด้านข้างและวางบอลยาวหนีเพรสได้เป็นธรรมชาติ
- ระบบหลังสี่ต้องการ “ระยะห่าง” ที่แม่นยำกว่าหลังสาม โดยเฉพาะการสลับยืนคุมครึ่งช่องกับฟูลแบ็ก
- การยืนกับดักล้ำหน้าไม่ได้วัดที่ความเร็วอย่างเดียว แต่ต้องอ่าน “จังหวะส่งบอล” และขยับไลน์พร้อมกันทั้งแผง
แฟนบอลที่อยากตามทุกข่าวเข้ม ๆ และเบื้องหลังแท็กติกของทีมใหญ่แบบถึงเครื่อง อย่าลืมติดตาม ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM ไว้ด้วยค่ะ