สัญญาณบางอย่างกำลังก่อตัวที่ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค

ขณะที่ นิโก โควัช ใกล้ครบหนึ่งปีในตำแหน่งกุนซือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภาพรวมของทีมเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่านี่ไม่ใช่แค่ “ทีมทรงดี” แต่เป็นทีมที่กำลังสร้างฐานรากเพื่อปี 2026 ที่มีโอกาสพุ่งแรงกว่าที่หลายคนคิด ความมั่นใจในแคมป์เสือเหลืองพุ่งขึ้นจากสิ่งที่จับต้องได้จริง—ความแน่น เกมรับมีวินัย และตัวรุกคุณภาพที่พร้อมระเบิดฟอร์มทุกเมื่อ

ถึงช่องว่าง 9 แต้มช่วงพักเบรกหน้าหนาวจากจ่าฝูง บาเยิร์น มิวนิค จะไม่ใช่ภาพที่ดอร์ทมุนด์อยากเห็น แต่ถ้ามองย้อนหนึ่งปีเต็ม นี่คือ “การยกระดับแบบก้าวกระโดด” ชนิดที่แฟนบอลเริ่มกล้าฝันไกลขึ้น

จากอันดับ 8 สู่รองจ่าฝูง: เส้นทางที่บอกว่าดอร์ทมุนด์โตขึ้น

ดอร์ทมุนด์เริ่มต้นปี 2025 (หลังจบแมตช์เดย์ 16 ของฤดูกาลก่อน) ด้วยอันดับ 8 และต้องดิ้นรนเพื่อรักษาโอกาสไปเล่นฟุตบอลยุโรป แต่สุดท้ายทีมฮึดไต่ขึ้นไปจบอันดับ 4 คว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

และเมื่อเข้าสู่ช่วงต้นปี 2026 สถานการณ์กลับตรงข้ามแบบสุดขั้ว—ดอร์ทมุนด์อยู่ อันดับ 2 ของตาราง พร้อมแต้มหลัง 15 นัดที่ดีที่สุดในรอบ 7 ปี ที่จำนวน 32 คะแนน นี่ไม่ใช่สถิติที่หล่นมาจากฟ้า แต่มาจาก “มือของโควัช” ที่เปลี่ยนแนวคิดทีมให้เป็นทีมชนะยาก และแพ้ยากยิ่งกว่า

เกราะเหล็กโควัช: วินัยเกมรับคือกุญแจที่พาทีมพุ่ง

โควัชเข้ามาคุมทีมช่วงปลายเดือนมกราคม และตั้งแต่นั้นภาพที่เด่นชัดที่สุดคือ “ความมีระเบียบ” ดอร์ทมุนด์กลายเป็นทีมที่เจาะยากขึ้นเรื่อยๆ เกมรับไม่ใช่แค่ถอยตั้งโซน แต่เป็นการบีบพื้นที่อย่างมีระบบ ลดความผิดพลาด และยืนตำแหน่งแบบมีสติ

ตัวเลขยืนยันชัดเจน: ดอร์ทมุนด์แพ้แค่ 1 จาก 23 เกมบุนเดสลีกานับตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยความพ่ายแพ้นั้นคือเกม “เดอ คลาสสิเคอร์” แพ้บาเยิร์น 1-2 ที่มิวนิคในเดือนตุลาคม และในฤดูกาลนี้ 15 นัดแรกเสียเพียง 12 ประตู เป็นรองแค่บาเยิร์นทีมเดียวที่เสีย 11 ลูก นี่คือระดับที่ทำให้ดอร์ทมุนด์ “เถียงกับยักษ์ใหญ่ได้” ในเรื่องความแน่น

ผู้บริหารยังหนุนเต็มที่: “อย่าลืมว่าเรามาจากจุดไหน”

ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โควัชได้รับความเชื่อมั่นจากคนข้างบนแบบชัดๆ โดย ลาร์ส ริคเค่น กรรมการผู้จัดการฝ่ายกีฬาของสโมสร ชี้ว่าต้องไม่ลืมว่าก่อนโควัชเข้ามาทีมอยู่สภาพไหน และตั้งแต่เมษายนเป็นต้นมา ดอร์ทมุนด์แพ้แค่ไม่กี่เกมในเวทีใหญ่ๆ เท่านั้น

ริคเค่นยังสะท้อนแนวทางของทีมว่าเป็นฟุตบอลที่ “คุมเกม เน้นผลลัพธ์ และดูเป็นผู้ใหญ่” อาจออกไปทางจริงจังและค่อนข้าง pragmatic แต่เป็นชัยชนะที่ควบคุมได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสโมสรถึงอยากสร้างทีมต่อกับโควัชและพัฒนาต่อไป

โคเบล-ชล็อตเตอร์เบ็ค-อันตอน: สามเสาหลักที่ทำให้แนวรับนิ่ง

เมื่อแนวคิดเกมรับแข็งขึ้น คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือ เกรกอร์ โคเบล นายทวารที่เก็บคลีนชีตไปแล้ว 8 นัดในซีซั่นนี้ มากกว่าทั้งฤดูกาล 2024/25 และทำให้สถิติส่วนตัวสูงสุดในบุนเดสลีกา (11 คลีนชีต ในปี 2022/23) มีโอกาสถูกทำลายช่วงครึ่งหลัง

ขณะเดียวกัน คู่เซ็นเตอร์ นิโก ชล็อตเตอร์เบ็ค กับ วัลเดมาร์ อันตอน กำลังเล่นแบบ “เข้าฝัก” ยืนคุมพื้นที่ดี อ่านเกมไว และช่วยให้ดอร์ทมุนด์อยู่ในเส้นทางลุ้นอย่างน้อย “ท็อปโฟร์” ได้แบบมั่นคง

เกมรุกยังมีอาวุธครบมือ แค่รอเร่งเกียร์ให้สุด

แม้ทีมจะถูกมองว่าเล่นแบบคุมเกมมากขึ้น แต่ดอร์ทมุนด์ไม่ได้จืดชืดในถ้วยยุโรป เพราะพวกเขาคือทีมที่ยิงเยอะสุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยจำนวน 19 ประตู ซึ่งสะท้อนว่าเมื่อถึงเวลาปล่อยของ ทีมนี้ยังอันตรายจัด

แนวรุกมีตัวเลือกหลากหลาย:

  • แซร์อู กีราสซี่ ระเบิดฟอร์มได้เป็นช่วงๆ แบบเกมเดียวเปลี่ยนโมเมนตัม
  • คาริม อเดเยมี่ กลายเป็นอาวุธที่ไว้ใจได้ภายใต้โควัช
  • ประสบการณ์ของ ยูเลียน บรันด์ท และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ช่วยประคองเกม
  • และดาวรุ่งวัย 20 อย่าง โจบ เบลลิงแฮม ที่เริ่มปรับตัวและหา “จังหวะของตัวเอง” ในทีมชุดใหญ่ได้มากขึ้น

องค์ประกอบครบแบบนี้ ทำให้ครึ่งหลังของฤดูกาล ดอร์ทมุนด์มีสิทธิ์ “เร่งเกียร์เกมรุก” ได้หนักกว่าเดิม หากความมั่นใจและความเข้าขาเพิ่มขึ้นตามเวลาที่เล่นร่วมกัน

โควัชย้ำ: เกมรุกต้องช่วยเกมรับ นี่คือมาตรฐานทีมระดับท็อป

อย่างไรก็ตาม โควัชไม่ได้มองว่า “เกมรุกมีหน้าที่ยิงประตูอย่างเดียว” เขาพูดชัดว่าการป้องกันเริ่มตั้งแต่แดนหน้า และทีมชั้นนำของยุโรปต้องป้องกันร่วมกันทั้ง 11 คน นี่คือปรัชญาที่ทำให้ดอร์ทมุนด์กลายเป็นทีมที่ “สู้ด้วยระบบ” ไม่ใช่สู้ด้วยอารมณ์

และถ้านักเตะซึมซับแนวคิดนี้ได้ต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้ายเพิ่มขึ้นอีกนิด ดอร์ทมุนด์จะน่ากลัวขึ้นในปี 2026 แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้—รวมถึงความฝันใหญ่ในการยุติการรอคอยแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2011/12

เกมแรกของปีใหม่: บททดสอบใหญ่ที่แฟร้งค์เฟิร์ต

โอกาสแรกในการต่อยอดโมเมนตัมจะมาเร็วมาก เมื่อดอร์ทมุนด์กลับมาเปิดศักราชด้วยเกมหนัก บุกเยือน ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต วันที่ 9 มกราคม (คิกออฟ 20.30 น. CET) เกมแบบนี้แหละที่จะเป็นเครื่องชี้วัดว่า “ฐานรากโควัช” แข็งแค่ไหน และพร้อมไล่บี้บาเยิร์นจริงหรือเปล่า

เกล็ดความรู้ (แบบเป็นข้อๆ)

  • Winter break ของบุนเดสลีกามักเป็นช่วงสำคัญให้ทีมรีเซ็ตสภาพร่างกาย และซ้อมแท็กติกละเอียดขึ้นก่อนครึ่งหลัง
  • ทีมที่ลุ้นแชมป์จริงๆ มักวัดกันที่ “จำนวนประตูเสีย” เพราะเกมยากๆ มักชนะด้วยรายละเอียดเล็กน้อย
  • สไตล์ของโควัชเน้น “ป้องกันทั้งทีม” ทำให้แนวรุกต้องเพรสซิ่งและปิดทางจ่ายตั้งแต่ต้นทาง
  • การมีนายทวารคลีนชีตเยอะอย่าง โคเบล ช่วยเพิ่มแต้มแบบเงียบๆ เพราะอย่างน้อยทีมไม่แพ้ถ้าไม่เสียประตู

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอลแบบเข้มๆ เนื้อหาแน่นๆ และอัปเดตไว อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM ด้วยค่ะ