การกลับมาเหยียบสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก้ ในฐานะ “คู่แข่ง” เป็นครั้งแรกหลังถูกปลดจากตำแหน่งเฮดโค้ชโรม่าเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ไม่ใช่ค่ำคืนแห่งชัยชนะสำหรับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ แต่กลับเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความรู้สึก—เพราะอดีตกัปตันทีม “หมาป่าเหลืองแดง” ได้รับการต้อนรับแบบฮีโร่ และถูกส่งออกจากบ้านเก่าด้วยเกียรติยศที่คู่ควรกับตำนานของสโมสร
เกมในสนาม: โรม่าโหดจริง กดเจนัว 3-1 ตั้งแต่ครึ่งแรกก็ขาด
ด้านผลการแข่งขัน โรม่าเป็นฝ่ายโชว์ความเด็ดขาด เปิดบ้านอัด เจนัว 3-1 แบบไม่ไว้หน้า โดยครึ่งแรกเหมือนเป็นการ “ปิดบัญชี” ให้จบตั้งแต่ 45 นาทีแรก เมื่อเจ้าถิ่นรัวสามเม็ดนำห่าง 3-0 จากประตูของ มาติอัส ซูเล่, มานู โคเน่ และผู้เล่นยอดเยี่ยมของเกมอย่าง อีวาน เฟอร์กูสัน
เจนัวพยายามฮึดช่วงท้ายและมาได้ประตูปลอบใจจาก เจฟฟ์ เอคาโทร์ ในนาทีที่ 87 แต่ก็เป็นเพียงการลดความเจ็บปวด เพราะภาพรวมเกมถูกโรม่า “คุมอยู่หมัด” ตั้งแต่ต้นจนจบ
Dybala e Mancini con Daniele De Rossi 🥹#RomaGenoa pic.twitter.com/kM7AwhkUhf
— Lega Serie A (@SerieA) December 29, 2025
คืนนี้มีความหมายกับโค้ชทั้งสองฝั่ง
แมตช์นี้ไม่ใช่แค่เกมลีกธรรมดา เพราะทั้งสองกุนซือต่างมีสายสัมพันธ์กับสโมสรที่ลึกกว่าคำว่า “งาน” โดยฝั่งโรม่าเองก็มีเรื่องราวคู่ขนาน เพราะ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ก็เคยคุมเจนัวรวมถึง 8 ปี แบ่งเป็นสองช่วงเวลา ทำให้เกมนี้มีน้ำหนักทางความรู้สึกทั้งคู่
แต่สำหรับแฟนบอลในโอลิมปิโก้ ชื่อที่ทำให้บรรยากาศ “ชื้นตา” มากที่สุด ย่อมเป็น เด รอสซี่ แบบไม่ต้องสงสัย
เด รอสซี่กับโรม่า: ความผูกพันที่ไม่ต้องมีคำบรรยาย
ความสัมพันธ์ของเด รอสซี่กับโรม่า ไม่ใช่แค่ตำนาน—แต่มันคือประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ เขาลงเล่นให้สโมสรในเกมทางการถึง 616 นัด มากเป็นอันดับสองตลอดกาลของทีม เป็นรองแค่ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่ทำไว้ 785 นัด
เด รอสซี่เคยรับช่วงต่อปลอกแขนกัปตันจากต็อตติในช่วงสองปีสุดท้ายของอาชีพนักเตะ และเมื่อถึงวันที่สโมสรต้องการคนมาปลุกทีม เขาก็กลับมาในบทบาทเฮดโค้ชฤดูกาล 2023/24 แทน โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อนจะต้องเสียตำแหน่งแบบเจ็บลึกในฤดูกาล 2024/25 หลังคุมทีมได้เพียง 4 นัดเท่านั้น ทั้งที่เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ไปไม่นาน
นี่แหละคือเหตุผลที่คำว่า “กลับบ้าน” ของเด รอสซี่ มันหนักแน่นเกินกว่าจะพูดแค่ว่าเป็นเกมหนึ่งในปฏิทิน
ภาพที่บอกทุกอย่าง: โรม่าโอบรับเด รอสซี่เหมือนคนในครอบครัว
สิ่งที่ชัดเจนในคืนวันจันทร์คือ เด รอสซี่ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเตะส่วนใหญ่ของโรม่า ที่เคยร่วมงานกันในช่วงที่เขาคุมทีม
ก่อนเกมเริ่ม เปาโล ดีบาล่า และ จานลูก้า มันชินี่ เดินเข้ามากอดเขาข้างเส้นแบบแน่นๆ ราวกับบอกว่า “คุณยังเป็นคนของเรา” ขณะที่ มานู โคเน่ ก็เข้ามาทักทายและกอดกันในอุโมงค์ก่อนออกมาเล่นครึ่งหลัง เป็นภาพเล็กๆ แต่กระแทกใจแฟนบอลแบบไม่ต้องมีคำพากย์
แพ้ก็แพ้…แต่ศักดิ์ศรีตำนานยังอยู่: เด รอสซี่เดินรอบสนามรับเสียงปรบมือ
แม้เจนัวจะแพ้แบบค่อนข้างขาดในรูปเกม แต่หลังจบการแข่งขัน เด รอสซี่ ยังเดิน “รอบสนาม” เพื่อขอบคุณแฟนบอลในสตาดิโอ โอลิมปิโก้ เขาปรบมือให้ครบทั้งสี่อัฒจันทร์ ท่ามกลางบทเพลง “Grazie Roma” ที่ดังคลอไปอย่างสุดซึ้ง
จากนั้นเขาเดินไปยังฝั่ง คูร์วา ซูด ที่แฟนบอลโบกธงสโมสรและธงที่มีชื่อกับเบอร์เสื้อของเขาเป็นพิเศษ เด รอสซี่จับมือกับอุลตร้าส่วนหนึ่งแบบใกล้ชิด ขณะที่นักเตะโรม่ายืนมองจากในสนาม เปิดพื้นที่ให้ตำนานได้ “มีช่วงเวลาของตัวเอง” ถึงแม้ทีมเจ้าบ้านจะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม

เกล็ดความรู้
- สถาดิโอ โอลิมปิโก้ คือสนามเหย้าร่วมของโรม่าและลาซิโอ และมักเป็นสถานที่ที่แฟนบอลสร้างบรรยากาศสุดพิเศษในเกมสำคัญ
- “Curva Sud” คือโซนกองเชียร์หลักของโรม่า เป็นพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องพลังเสียงและการแสดงภาพเชียร์ (tifo)
- จำนวนการลงเล่น 616 นัดของเด รอสซี่กับโรม่า เป็นสถิติระดับตำนานของสโมสร และสะท้อนความภักดีที่หาได้ยากในฟุตบอลยุคใหม่
ค่ำคืนที่เด รอสซี่กลับโอลิมปิโก้จึงไม่ใช่เรื่องของสกอร์อย่างเดียว แต่มันคือภาพย้ำเตือนว่า “ตำนาน” ไม่มีวันถูกลบออกจากหัวใจแฟนบอลได้ง่ายๆ และถ้าคุณไม่อยากพลาดเรื่องเข้มๆ แบบนี้อีก อย่าลืมติดตาม ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM ไว้ให้แน่น เพราะทุกจังหวะฟุตบอลเราพร้อมเล่าให้มันส์กว่าเดิม!