ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ ราชบุรี เอฟซี แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละในการยกระดับทีมให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับการคว้าตัว อิคซาน ฟานดี้ กองหน้าทีมชาติสิงคโปร์วัย 26 ปี มาล่าตาข่ายในถิ่นมิตรผล สเตเดียม ซีซั่น 2025/26 ที่กำลังจะเปิดฉาก ท่ามกลางเสียงฮือฮาจากแฟนบอลแดนสยามที่เฝ้าจับตาดีลนี้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์

การย้ายทีมครั้งนี้เป็นสัญญายืมตัวจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สโมสรต้นสังกัดเดิมของเจ้าตัว โดย ราชบุรี ใช้โควตาอาเซียนอย่างคุ้มค่าเสริมแนวรุกที่ยังขาดความเฉียบคมในฤดูกาลที่ผ่านมา เป้าหมายไม่ใช่แค่การสู้ศึกใน ไทยลีก แต่ยังรวมถึงภารกิจสำคัญในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ACL 2 ที่กำลังจะมาถึง

สำหรับผลงานของ อิคซาน ฟานดี้ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถือว่าโชกโชนในระดับภูมิภาค ลงเล่นทั้ง ไทยลีก, ศึกสิงคโปร์ คัพ, ช้อปปี้ คัพ (ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน) และยังได้โอกาสลุยศึก ช้าง เอฟเอ คัพ ร่วมกับทัพ “เดอะ แรบบิท” หลายครั้ง ผลงานที่สม่ำเสมอ บวกกับสัญชาตญาณเพชฌฆาตในกรอบเขตโทษทำให้เขาเป็นหนึ่งในแข้งโควตาอาเซียนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในไทยลีกปัจจุบัน

ความคาดหวังของแฟน “ราชันมังกร” คือการได้เห็นหัวหอกหมายเลขหนึ่งทีมชาติสิงคโปร์รายนี้มาประสานงานกับผู้เล่นต่างชาติรายอื่นเพื่อยกระดับเกมรุกของทีม ที่ฤดูกาลก่อนถือว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญ ราชบุรีวางแผนลุยไทยลีกแบบไม่หวังแค่หนีตกชั้น แต่ขยับเป้าหมายสู่การกลับมาท้าทายพื้นที่หัวตารางอีกครั้ง และพยายามสร้างเซอร์ไพรส์ใน ACL 2 ให้ได้มากที่สุด

GOALSIAM เชื่อว่านี่คือหนึ่งในดีลที่น่าจับตาที่สุดของตลาดนักเตะรอบนี้ เพราะ อิคซาน ฟานดี้ ไม่เพียงแต่จะเป็น “ความหวังใหม่” ของราชบุรี แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของตัวเขาเองในการยกระดับผลงานและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าอาเซียนที่อันตรายที่สุดในเวทีไทยลีกเวลานี้ ติดตามผลงานของเขาในสีเสื้อส้มได้ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ รับประกันความมันส์แน่นอน

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ: อิคซาน ฟานดี้

  • ลูกชายของตำนานแข้งสิงคโปร์ ฟานดี้ อาหมัด ที่เป็นทั้งอดีตดาวยิงทีมชาติและโค้ชชื่อดัง
  • ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรปกับสโมสรในนอร์เวย์ก่อนย้ายมาไทยลีก
  • ติดทีมชาติสิงคโปร์ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี และยิงประตูให้สิงโตแห่งอาเซียนมาแล้วหลายครั้ง
  • เป็นหนึ่งในนักเตะสิงคโปร์ยุคใหม่ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของฟุตบอลอาเซียน

ติดตามข่าวฟุตบอลสุดเข้มข้นก่อนใครได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM