VAR เข้าสู่เวที คิงส์ คัพ อย่างเป็นทางการ
ศึก ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 เตรียมยกระดับมาตรฐานการแข่งขันสู่สากล เมื่อ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือที่แฟนบอลรู้จักกันดีในชื่อ “มาดามแป้ง” ออกมายืนยันว่าปีนี้จะมีการนำระบบ VAR (Video Assistant Referee) เข้ามาใช้ตัดสินครบทั้ง 4 แมตช์ เพื่อให้การตัดสินโปร่งใส แม่นยำ และอยู่บนพื้นฐานของกติกาฟีฟ่า
เสียงจากผู้นำสมาคมฟุตบอล
“เพื่อให้เป็นไปตามหลัก ฟีฟ่าหลักสากลเราจัดให้มี VAR ในรอบการตัดสินทั้งสองทั้งสี่แมตช์ด้วยกันนะคะ ก็อยากเชิญชวนว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่สามารถเชื่อมความรักความสามัคคีในแต่ละชุมชนแล้วก็ยังต่อยอดไปยังบริบท”
“ทุกด้านทั้งด้านสังคมเศรษฐกิจเยาวชนวัฒนธรรมนะคะ แล้วก็ผลจะออกมายังไงก็ตามแป้งเชื่อว่ามิตรภาพหลังเกมระหว่าง 4 ประเทศ คงจะให้ความทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 4 ประเทศดีขึ้นในทุกมุม”

โปรแกรมการแข่งขัน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันปีนี้ยังคงเข้มข้นเหมือนทุกครั้ง โดยมี 4 ชาติเข้าร่วมชิงชัย ได้แก่ ไทย, อิรัก, ฮ่องกง และฟิจิ
- วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. – อิรัก พบ ฮ่องกง
- วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. – ไทย พบ ฟิจิ
- วันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. – นัดชิงอันดับสาม
- วันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. – นัดชิงชนะเลิศ
ความสำคัญของ VAR ต่อฟุตบอลสมัยใหม่
การนำ VAR มาใช้ในทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติ ไม่เพียงช่วยให้การตัดสินแม่นยำและลดข้อโต้แย้ง แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับลีกและทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นการตัดสินที่โปร่งใสตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงเสียงนกหวีดสุดท้าย

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ VAR
- VAR ใช้เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์สำคัญ เช่น ประตู, จุดโทษ, ใบแดงโดยตรง และกรณีระบุตัวผู้เล่นผิดพลาด
- การตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังคงเป็นของผู้ตัดสินในสนาม แต่จะได้รับข้อมูลจากทีม VAR เพื่อประกอบการพิจารณา
- ปัจจุบัน VAR ถูกใช้ในฟุตบอลโลก, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก และลีกชั้นนำทั่วโลก
ขอบคุณรูปภาพจาก ช้างศึก – ฟุตบอลทีมชาติไทย
ติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารฟุตบอลไทยได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM