ไทยพลาดท่าต่ออิรัก เกมนัดชิงชนะเลิศ

ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ ต้องพบกับความผิดหวัง หลังถูกทีมแกร่งจากตะวันออกกลางอย่าง อิรัก เฉือนชนะไป 1-0 จากประตูเด็ดขาดของ โมฮานัด อาลี ส่งผลให้ทัพช้างศึกไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้ และต้องพอใจเพียงตำแหน่งรองแชมป์ในปีนี้

เสียงจากกุนซือ อิชิอิ หลังเกม

หลังจบการแข่งขัน กุนซือชาวญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดใจว่าแม้จะไม่ได้ผลลัพธ์ตามเป้า แต่ทีมชาติไทยยังมีความมุ่งมั่นและพลังใจที่เต็มเปี่ยม

“เราไม่สามารถคว้าแชมป์คิงส์ คัพ ในครั้งนี้มาครอง นี่คือข้อความที่ผมต้องการจะสื่อสาร ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแฟนบอลทุกท่านที่เดินทางมาชมมาเชียร์พวกเราในทั้งสองเกมที่ผ่านมา ครึ่งแรกเราก็เล่นเกมรับเยอะเกินไป ส่วนครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้นจากการแก้ไขในช่วงพักครึ่ง ผมมองว่าเราทำผลงานในครึ่งหลังได้ดีกว่าครึ่งแรก”

อิชิอิยังเน้นย้ำว่าทีมมีเวลาเก็บตัวเพียง 1 สัปดาห์ก่อนทัวร์นาเมนต์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความเข้มข้นของการแข่งขันระดับนานาชาติ หากได้เวลาซ้อมต่อเนื่องมากขึ้น นักเตะไทยจะสามารถพัฒนาและไปไกลกว่านี้ได้แน่นอน

ปัญหาการจบสกอร์และโครงสร้างฟุตบอลไทย

หนึ่งในประเด็นใหญ่ที่กุนซือญี่ปุ่นชี้คือเรื่องการ จบสกอร์ ที่ยังเป็นปัญหาสำคัญต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในทีมชาติ แต่รวมถึงในระดับสโมสรและเยาวชน

“เราจะมาซ้อมเรื่องการจบสกอร์ในเบื้องต้นกันใหม่ไม่ได้ เพราะนักเตะต้องเรียนรู้มาตั้งแต่ระดับอคาเดมี และต่อยอดจนถึงสโมสร นี่คือปัญหาที่สะสมมาและต้องแก้ไขในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นโค้ช สโมสร หรือระบบโดยรวม”

นอกจากนี้ อิชิอิยังกล่าวถึงผลกระทบจากโควตาต่างชาติในไทยลีกที่เปิดกว้างเกินไป ทำให้นักเตะไทยในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าและเซ็นเตอร์แบ็กไม่ได้โอกาสลงสนามเพียงพอ ส่งผลต่อความพร้อมเมื่อต้องเล่นในระดับนานาชาติ

ใบแดง-แรงกดดัน และสิ่งที่ต้องแก้ไข

โค้ชชาวญี่ปุ่นยังไม่พอใจกับจังหวะใบแดงของนักเตะอิรักในเกมนี้ โดยมองว่าเป็นการสกัดที่ไร้คลาสและรุนแรงเกินไป ไม่สมควรเกิดขึ้นในฟุตบอลระดับนี้ อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าความกดดันคือสิ่งที่ต้องเจอทุกเกมตั้งแต่มารับตำแหน่ง และทีมต้องเดินหน้าปรับปรุงทั้งเกมรุกและเกมรับให้มีมาตรฐานสูงขึ้น

โปรแกรมต่อไปของทีมชาติไทย

ทัพช้างศึกยังมีภารกิจสำคัญรออยู่ในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะลงทำศึก เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 3 และ 4 พบกับ ไชนีส ไทเป แบบเหย้า-เยือน วันที่ 9 และ 14 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะเป็นอีกบททดสอบสำคัญในการวัดศักยภาพของทีม

เกร็ดหน้ารู้เกี่ยวกับ : คิงส์ คัพ

  • เริ่มแข่งขันครั้งแรกในปี 2511 ถือเป็นรายการฟุตบอลเก่าแก่ของไทย
  • เคยมีหลายชาติชื่อดังเข้าร่วม เช่น เกาหลีใต้ เดนมาร์ก และสวีเดน
  • ทีมชาติไทยครองแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์
  • ใช้เป็นเวทีอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมทีมก่อนรายการใหญ่

ขอบคุณรูปภาพจาก FA Thailand

แม้จะชวดแชมป์ แต่การต่อยอดพัฒนาทีมและการมองไปข้างหน้าคือสิ่งสำคัญที่ “อิชิอิ” ย้ำหนักแน่นเสมอ แฟนบอลไทยยังคงต้องส่งแรงใจให้ทัพช้างศึกสู้ศึกใหญ่ที่รออยู่ต่อไป ติดตามทุกความเคลื่อนไหวได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM

Categorized in:

ฟุตบอลไทย,