เดอะ แรบบิท ช็อกท้ายเกม นำหรูแต่กลับมือเปล่ากลับบ้าน

เกมที่แฟนบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่มีวันลืมง่ายๆ เมื่อทัพ เดอะ แรบบิท บุกไปเยือน แทมปิเนส โรเวอร์ส ในศึกฟุตบอล ช้อปปี้ คัพ 2025/26 รอบแบ่งกลุ่ม สาย A นัดที่ 3 แล้วเริ่มต้นได้อย่างสวยหรู ออกนำไปก่อนถึง 2-0 แต่สุดท้ายกลับพลาดท่าโดนเจ้าถิ่นไล่รัวแซงในช่วงครึ่งหลัง แพ้แบบสุดเจ็บ 2-3

ความพ่ายแพ้นัดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของสกอร์ แต่สะท้อนให้เห็นทั้งในมุมแท็กติก ความผิดพลาดรายบุคคล และจิตวิทยาเกมรับในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ทีมของมาซาทาดะ อิชิอิ ต้องนำกลับไปแก้ไขอย่างจริงจัง หากหวังจะไปต่อในเส้นทางบอลถ้วยอาเซียน

สถานการณ์กลุ่ม A: จากลุ้นจ่าฝูง สู่แรงกดดันเต็มกระเป๋า

หลังจบเกมนี้ บทสรุปในกลุ่ม A ของ ช้อปปี้ คัพ 2025/26 เขย่ากันสนั่นตารางการแข่งขัน โดยผลงานของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หลังผ่าน 3 นัดอยู่ที่ แข่ง 3 นัด (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2) เก็บได้ 4 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของกลุ่มแบบมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด

ขณะเดียวกัน แทมปิเนส โรเวอร์ส เจ้าบ้านทีมแกร่งจากสิงคโปร์ ทำผลงานยอดเยี่ยม แข่ง 3 นัด (ชนะ 2 แพ้ 1) เก็บไปแล้ว 6 คะแนน ทะยานขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ของกลุ่มได้สำเร็จ

ต้องไม่ลืมว่าในทัวร์นาเมนต์นี้ จะคัดเอาแค่ “แชมป์กลุ่ม” และ “รองแชมป์กลุ่ม” จากทั้งสองสาย ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ นั่นหมายความว่าแต่ละแต้มมีค่ามากกว่าปกติ และเกมที่ปล่อยให้หลุดมือแบบนี้ อาจกลายเป็นจุดหักเหสำคัญของทัวร์นาเมนต์ได้เลย

อิชิอิเปิดใจหลังเกม – ขอโทษแฟนบอล ยอมรับเจ็บกับการโดนแซง

หลังจบเกมที่เต็มไปด้วยรอยครวญใจ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย เขาเริ่มต้นด้วยการ “ขอโทษ” แฟนบอลแบบตรงไปตรงมา ว่าทีมเริ่มต้นได้ดี นำก่อนถึง 2 ประตู แต่กลับปล่อยให้คู่แข่งพลิกแซงยิงคืน 3 ลูกแบบเจ็บลึก

อิชิอิยอมรับว่า นี่คือความพ่ายแพ้ที่ทุกคนในทีมรู้สึกผิดหวังมาก เพราะจากแท็กติกและรูปเกมในครึ่งแรก ทุกอย่างเหมือนกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ความผิดพลาดในช่วงสำคัญ ทำให้ทุกอย่างพังลงในเวลาไม่นาน

สำหรับกุนซือระดับนี้ การออกมารับผิดชอบต่อหน้าสื่อด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ชัดเจน และส่งสารตรงไปยังห้องแต่งตัวว่า เกมนี้ต้องถูกใช้เป็น “บทเรียนราคาแพง” ที่ไม่มีใครในทีมควรลืม

ยกเครดิตแทมปิเนส – ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดได้ถึงที่สุด

หนึ่งในประเด็นที่อิชิอิเน้นย้ำ คือ การต้องให้เครดิตกับ แทมปิเนส โรเวอร์ส ที่อ่านเกมและฉวยโอกาสได้อย่างเฉียบคม ทุกครั้งที่แนวรับของเดอะ แรบบิท เปิดช่องหรือผิดจังหวะ เจ้าถิ่นไม่ลังเลที่จะลงโทษทันที

เขาชี้ว่า ประตูที่เสียทั้งสามลูกไม่ใช่เรื่องของ “ดวงไม่ดี” แต่เป็นผลลัพธ์ตรงๆ จากความผิดพลาดของทีมตัวเอง ทั้งในแง่การตัดสินใจ การยืนตำแหน่ง และสมาธิในช่วงสำคัญของเกม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในระดับฟุตบอลอาชีพ หากหลุดแม้เพียงเสี้ยววินาที ก็อาจต้องจ่ายด้วยสามแต้มอย่างที่เห็นในเกมนี้

จากมุมมองโค้ช อิชิอิย้ำว่าจุดนี้คือสิ่งที่ทีมต้องกลับไป “ผ่าตัดรายละเอียด” อย่างจริงจัง ทั้งจากการดูวิดีโอ การซ้อมแก้สถานการณ์เกมรับ และการคุยกันภายในทีมแบบตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้ความผิดพลาดเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำสองในเกมต่อไป

ยังไม่สุดฟูลพาวเวอร์ – อิชิอิยอมรับยังดึงศักยภาพลูกทีมได้ไม่เต็มร้อย

อีกประเด็นที่น่าสนใจจากปากของอิชิอิ คือการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “เขายังคุมทีมได้ไม่นาน” และยังไม่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะทุกคนออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องความเข้าใจระบบ การเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ และความลงตัวระหว่างเกมรุกกับเกมรับ

นี่คือคำพูดที่สะท้อนชัดว่า ทีมยังอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” และต้องการเวลาในการปรับจูน อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าเป้าหมายของตัวเองคือการทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลับมามี “เพอร์ฟอร์แมนซ์” ที่ดุดันและคมกริบ ทั้งในเกมรุกและเกมรับ ให้สมกับศักยภาพในตัวนักเตะที่มีอยู่

จากนี้ไป แฟนบอลเดอะ แรบบิท จะได้เห็นการทดลอง ปรับหมุนผู้เล่น และการจัดระบบให้รัดกุมขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการลุยทั้งบอลถ้วยและบอลลีกในช่วงโค้งสำคัญของฤดูกาล

โฟกัสเกมลีกต่อทันที – บีจี บุกเยือนโคราช งานนี้ไม่มีคำว่าง่าย

แม้เพิ่งผ่านค่ำคืนอันเจ็บปวดในถ้วยอาเซียน แต่ตารางแข่งในประเทศไม่รอใคร โดยโปรแกรมถัดไปของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คือการยกพลออกไปเยือน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง นัดที่ 14 วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลา 18.30 น. ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายทอดสดทาง AIS PLAY

นี่คือเกมที่ไม่มีคำว่า “เบา” เพราะโคราชในบ้านขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและบรรยากาศสนามที่กดดันคู่แข่งอยู่แล้ว บวกกับการที่ บีจี ต้องการสามคะแนนเพื่อเรียกศรัทธาและความมั่นใจกลับมา จึงไม่เกินเลยหากจะบอกว่านี่คืออีกหนึ่ง “เกมสำคัญ” ที่จะชี้ว่าทีมพร้อมลุกขึ้นยืนหลังจากโดนแทมปิเนสซัดล้มกลางเกมหรือไม่

อิชิอิและทีมงานจึงต้องบริหารทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของลูกทีมให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีมกลับมาเล่นด้วยความมั่นใจ กล้ารุก กล้าบด และแน่นอนว่า “ต้องแน่นเกมรับกว่าเดิม”

เกล็ดความรู้จากเกมนี้: บทเรียนราคาแพงของเดอะ แรบบิท

  1. นำ 2-0 ไม่ได้การันตีชัยชนะในฟุตบอลระดับอาชีพ
    สกอร์ 2-0 เป็นสกอร์ที่โค้ชหลายคนกลัวที่สุด เพราะหากปล่อยให้คู่แข่งยิงตีไข่แตกได้เมื่อไหร่ ทั้งโมเมนตัมและความเชื่อมั่นอาจพลิกทันที เกมนี้คือภาพชัดเจนว่า “ห้ามผ่อนเกม” แม้จะนำห่างก็ตาม
  2. ความผิดพลาดเล็กๆ รวมกันอาจกลายเป็นหายนะใหญ่
    ประตูที่เสียของบีจีไม่ได้มาจากจังหวะที่คู่แข่งเหนือกว่าแบบขาดลอย แต่เกิดจากดีเทลเล็กน้อย ทั้งการประกบตัว การสื่อสาร และการตัดสินใจในเสี้ยววินาที ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม
  3. บอลถ้วยระบบแบ่งกลุ่ม แต้มเดียวมีมูลค่ามหาศาล
    ในทัวร์นาเมนต์ที่เข้ารอบแค่ 2 ทีม การปล่อยให้เกมที่นำ 2-0 กลายเป็นศูนย์แต้ม คือสิ่งที่สโมสรใหญ่จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะอาจต้องมานั่งลุ้นหนักในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
  4. โค้ชใหม่ + ระบบใหม่ = ต้องใช้เวลา แต่แพสชันห้ามตก
    การยอมรับของอิชิอิว่า ยังดึงศักยภาพลูกทีมได้ไม่สุด คือสัญญาณว่าทีมยังอยู่ในช่วงสร้าง แต่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นคือความมุ่งมั่นและทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งเกมนี้แม้จะแพ้ แต่ก็มีจังหวะให้เห็นว่าทีมพยายามเล่นตามแนวทางของโค้ช
  5. เกมต่อไปสำคัญไม่แพ้เกมที่เพิ่งจบ
    การลืมความผิดหวังให้ไว และนำบทเรียนไปใช้ทันทีในเกมถัดไป คือสิ่งที่แยก “ทีมธรรมดา” ออกจาก “ทีมที่พร้อมลุ้นแชมป์” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จึงต้องแสดงให้เห็นว่า แพ้ได้ แต่ห้ามแพ้ซ้ำด้วยเหตุผลเดิม

ขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก BG Pathum United 

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งข่าวร้อน ผลแข่งเดือด และมุมวิเคราะห์แบบจัดเต็ม อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM

Categorized in:

ฟุตบอลไทย,