จุดเดือดจากเกม ชลบุรี vs บุรีรัมย์ ที่แฟนบอลยังไม่ลืม
กลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 เมื่อเกมที่ ชลบุรี เอฟซี เปิดบ้านชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-2 ไม่ได้จบแค่ในสนาม แต่ลุกลามกลายเป็นดราม่าใหญ่เรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน
ชื่อที่ถูกจับจ้องคือ ไพโรจน์ บุญกำเนิด เชิ้ตดำเจ้าของเกมดังกล่าว ที่ถูกแฟนบอลและคนในวงการตั้งคำถามอย่างหนักกับหลายจังหวะสำคัญ โดยเฉพาะช็อตใบแดง เลสลีย์ อับโบล์ และจังหวะที่ โจนาธาน โบลินกี หลุดไปยิงแต่ถูกมองว่าเป็นฟาวล์ ทั้งที่ภาพช้าและมุมมองส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “ไม่น่าเป็นฟาวล์”
นี่ไม่ใช่แค่ข้อผิดพลาดเล็กๆ ในเกม แต่มันโยงไปถึงผลการแข่งขัน โมเมนตัมของเกม และความรู้สึกของแฟนบอลที่เฝ้าจับตามาตรฐาน ผู้ตัดสินไทย มานานแล้ว
ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินยอมรับพลาดเต็มๆ
ดราม่าชุดนี้ไม่ใช่แค่เสียงบ่นของแฟนบอลในโลกโซเชียลเท่านั้น เมื่อ ไชยวัฒน์ กันสุทา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน ออกมายอมรับแบบตรงๆ ว่า การทำหน้าที่ของไพโรจน์ในเกมนี้ “ผิดพลาดชัดเจน” โดยเฉพาะสองจังหวะสำคัญ
- ใบแดงของ เลสลีย์ อับโบล์ ที่มองว่าแรงเกินเหตุ
- จังหวะเข้ายิงของ โจนาธาน โบลินกี ที่ถูกจับฟาวล์ ทั้งที่ไม่ควรเป็น
การออกมายอมรับแบบนี้ เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลไม่ได้เกินจริง แต่เป็นข้อผิดพลาดระดับที่กระทบ “ความน่าเชื่อถือ” ของการแข่งขันอย่างเลี่ยงไม่ได้
คำตัดสินเบื้องหลัง – แบนยาวเงียบๆ หลุดจากสารบบผู้ตัดสิน
แม้เรื่องนี้จะไม่ได้มีแถลงข่าวใหญ่โตหรือแบนโชว์กลางสื่อ แต่สุดท้ายมีการยืนยันแล้วว่า คณะอนุกรรมการผู้ตัดสิน และ คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ได้ร่วมกันมีมติลงโทษ แบนยาว ไพโรจน์ บุญกำเนิด ออกจากบัญชีรายชื่อการทำหน้าที่ในลีก
สิ่งที่น่าสนใจคือ
- การแบนครั้งนี้ “ไม่มีการกำหนดระยะเวลากลับมาชัดเจน”
- เท่ากับว่าเป็นการดร็อปออกจากสารบบแบบไม่มีกำหนด คล้ายๆ การหายไปจากภาพรวมของวงการลูกหนังระดับอาชีพในช่วงนี้
ถึงแม้ฝั่ง ชลบุรี เอฟซี จะไม่ได้ทำการยื่นเรื่องตรวจสอบอย่างเป็นทางการ แต่คณะทำงานด้านวินัยก็เห็นตรงกันว่านี่คือความผิดพลาดที่ “ไม่น่าให้อภัย” ในระดับมืออาชีพ จนไม่อาจปล่อยผ่านได้

เสียงจากฝั่งชลบุรี – ชนะก็จริงแต่ไม่เงียบ
แม้ “ฉลามชล” จะเป็นฝ่ายเก็บสามแต้มในเกมนี้ แต่ฝ่ายบริหารเองก็ไม่ได้ดีใจกับผลการแข่งขันจนมองข้ามมาตรฐานการตัดสิน โดยเฉพาะคำพูดของ “เสี่ยณพ” อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี ที่ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อให้มีการ “ยกระดับผู้ตัดสินไทย” ให้ดีกว่านี้
จุดยืนของชลบุรีสะท้อนภาพสำคัญว่า
- แม้จะเป็นฝ่ายได้ผลการแข่งขันที่ดี
- แต่พวกเขายังมองถึงภาพรวมของลีก และความเป็นธรรมในระยะยาว
เพราะถ้าวันนี้ทีมอื่นเป็นฝ่ายเสียหาย วันหน้า “ฉลามชล” เองก็อาจเป็นผู้ถูกกระทำเช่นกัน หากระบบผู้ตัดสินยังไม่ถูกยกระดับอย่างจริงจัง
มุมใหญ่ของลีก – มาตรฐานผู้ตัดสินคือหัวใจของความน่าเชื่อถือ
เคสของไพโรจน์ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ผู้ตัดสิน ตกเป็นประเด็นในฟุตบอลไทย แต่ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบตรวจสอบภายในยังทำงานอยู่ และพร้อมใช้มาตรการเด็ดขาดเมื่อจำเป็น เพียงแต่สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นมากขึ้นคือ
- ความโปร่งใสในการสื่อสารต่อสาธารณะ
- แนวทางพัฒนาผู้ตัดสินในระยะยาว ไม่ใช่แค่ “แบนแล้วจบ”
- การใช้เทคโนโลยี และการอบรมซ้ำอย่างต่อเนื่อง
หากลีกต้องการเดินหน้าไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น ทั้งเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด แฟนบอลต่างชาติ และความเชื่อมั่นจากโค้ช-นักเตะ การมีผู้ตัดสินที่เข้มแข็ง เที่ยงตรง และกล้าตัดสินใจบนพื้นฐานของกติกาและความยุติธรรม จึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลย
เกล็ดความรู้จากดราม่าเปาไพโรจน์
- การ “แบนยาวไม่มีกำหนด” มักใช้ในเคสที่คณะกรรมการมองว่าเป็นความผิดร้ายแรง หรือกระทบภาพลักษณ์ลีกอย่างชัดเจน
- ต่อให้สโมสรไม่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ คณะกรรมการด้านวินัยก็มีสิทธิ์พิจารณาลงโทษได้ หากมีหลักฐานเพียงพอ เช่น ภาพถ่ายทอดสด รายงานผู้ควบคุมการแข่งขัน หรือคำยอมรับจากฝ่ายที่รับผิดชอบผู้ตัดสินเอง
- ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินมีบทบาททั้ง “อบรม-ยกระดับ” และ “ประเมินลงโทษ” ผู้ตัดสินในกรณีที่ทำหน้าที่ผิดพลาดร้ายแรง
- เสียงวิจารณ์จากแฟนบอลและสื่อ แม้ไม่มีอำนาจตรง แต่ช่วย “ขยายประเด็น” ให้ผู้มีหน้าที่ต้องเร่งตรวจสอบ ไม่กล้าปัดตกเรื่องเงียบๆ
- มาตรฐานผู้ตัดสินที่ดีคือรากฐานของการสร้างความเชื่อมั่นต่อทั้งนักเตะ โค้ช สโมสร แฟนบอล และสปอนเซอร์
ฟุตบอลไทยจะเดินหน้าได้ไกลแค่ไหน ไม่ได้วัดแค่จำนวนประตู แต่วัดกันที่ “ความยุติธรรมในทุกจังหวะ” ด้วยเช่นกัน
แฟนบอลที่อยากตามทุกดราม่า ทุกมุมลึกของวงการลูกหนัง ทั้งไทยและต่างประเทศ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM