ช้างศึกซีเกมส์ผ่านด่านเสือเหลือง เข้าชิงตามเป้าหมายใหญ่

เกมรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชายในมหกรรม ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่สนามในเมืองไทย กลายเป็นค่ำคืนที่แฟนบอลชาวไทยยิ้มออก เมื่อทัพ ช้างศึกซีเกมส์ ภายใต้การนำของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เบียดเอาชนะมาเลเซียแบบสุดระทึก 1-0 จากประตูชัยของ ยศกร บูรพา ส่งทีม ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ทะยานเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ตามเป้าหมายที่วางกันไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าแคมป์

นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดา แต่คือการตอกย้ำว่าทีมชุดนี้ “รับแรงกดดันได้” ทั้งจากสถานการณ์ในสนาม และจากความคาดหวังของคนทั้งประเทศที่ต้องการเห็นทีมชาติไทยกลับมายืนแท่นเบอร์หนึ่งของอาเซียนให้ได้อีกครั้ง

โค้ชวังย้ำชัด เป้าหมายเดียวคือแชมป์ซีเกมส์

หลังเกม “โค้ชวัง” เปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า เกมนี้ทีมทำได้ “ตามเป้า” เพราะก่อนลงสนามเป้าหมายคือการผ่านรอบรองฯ ให้ได้ และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งก้าวนี้ถือเป็นการ “ขยับเข้าใกล้ความฝัน” ที่ทุกฝ่ายตั้งเป้าไว้

เขาย้ำว่า ทั้งผู้บริหาร สมาคมฯ สตาฟฟ์โค้ช นักเตะ รวมถึงแฟนบอลต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายคือการคว้าแชมป์ ซีเกมส์ ให้ได้ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่มาเล่นให้จบทัวร์นาเมนต์ แต่ต้องกลับไปพร้อมเหรียญทองเท่านั้น

โค้ชวังส่งสารชัดเจนถึงลูกทีมว่า นี่คือภารกิจของคนทั้งชาติ ต้องเล่นด้วยความกล้าหาญ มีสมาธิ และแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลไทยยังยืนหยัดอยู่ในระดับหัวตารางของอาเซียน

ศึกชิงเหรียญทองกับเวียดนาม ดาร์บี้อาเซียนที่ต้อง “ล้างตา”

คู่ชิงของทีมชาติไทยคือ เวียดนาม ทีมที่ถือเป็นหนึ่งในขุมกำลังแข็งที่สุดของภูมิภาค และเป็นคู่แข่งโดยตรงในทุกระดับเยาวชนไปจนถึงทีมชุดใหญ่

โค้ชวังยอมรับว่า ทีมงานเคยคาดไว้แล้วว่าโอกาสสูงมากที่จะต้องเจอกับเวียดนามในรอบชิงฯ และนั่นยิ่งทำให้เกมนี้ “มีความหมายมากกว่าถ้วยแชมป์” เพราะยังเป็นการพิสูจน์ตัวเองจากความผิดหวังครั้งก่อนในศึกชิงแชมป์อาเซียน ที่ไทยต้องจบเส้นทางด้วยการแพ้จุดโทษอินโดนีเซียในรอบรองฯ

ครั้งนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป ไทยได้เล่นในบ้าน มีแฟนบอลหนุนหลังเต็มสนาม ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าอยากกลับมาเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนจริงๆ ต้องผ่านคู่แข่งตัวท็อปให้ได้ในเวทีใหญ่แบบนี้

แผนงานก่อนนัดชิง – ฟื้นฟูร่างกายคือกุญแจสำคัญ

ธวัชชัยยอมรับว่าสิ่งที่ต้องรีบจัดการทันทีหลังผ่านรอบรองฯ ไม่ใช่เรื่องแท็กติกเพียงอย่างเดียว แต่คือ “การฟื้นฟูร่างกาย” ของนักเตะ เพราะจากโปรแกรมที่เตะถี่ต่อเนื่อง หลายคนมีอาการล้าและแบกร่างกายมาจากเกมลีกกับสโมสร

เจ้าตัวเผยว่าได้คุยกับลูกทีมไปแล้วว่า ไม่ว่าจะเจอใครในรอบชิงฯ ห้ามมีความรู้สึก “กลัว” อยู่ในหัว มาเลเซียเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้เหลือ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก แต่เล่นด้วยสปิริตที่ยอดเยี่ยมและต่อกรได้อย่างสนุก นั่นคือมาตรฐานของฟุตบอลระดับชาติ

จากนี้จึงต้องคุมทั้งโหลดการซ้อม การพักฟื้น และการใช้ตัวผู้เล่นให้สมดุล เพื่อให้นักเตะทุกคน “สดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ในเกมชิงชนะเลิศ

สภาพทีมพร้อมรบ 23 คน ก่อนดวลเวียดนามที่ราชมังคลาฯ

ข่าวดีสำหรับแฟนบอลไทยคือ โค้ชวังย้ำว่าในนัดชิงชนะเลิศ ทีมจะมีผู้เล่นพร้อมใช้งานครบทั้ง 23 คนที่ถูกเรียกติดทีมชุดนี้ แม้หลายคนจะมีสภาพร่างกายที่ล้า หรือเพิ่งผ่านเกมลีกกับต้นสังกัด แต่งานสตาฟฟ์ได้พยายามเซฟการใช้งานในสองเกมที่ผ่านมา เพื่อให้พวกเขายังมีเรี่ยวแรงเหลือสำหรับเกมสำคัญที่สุด

โค้ชวังระบุว่า หลายคนอาจยังไม่เต็ม 100% แต่ทุกคนมีหัวใจเกินร้อย และทีมสตาฟฟ์จะใช้สองวันที่เหลือก่อนเกมนัดชิงฯ ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ให้คุ้มค่าที่สุด ทั้งการฟื้นฟู การเคลียร์สภาพจิตใจ และการเตรียมแท็กติกเฉพาะสำหรับการเจอกับเวียดนาม

ขอบคุณแฟนบอล–สมาคมฯ–โบนัส 1 ล้าน เติมไฟก่อนนัดชิง

ในมุมของกำลังใจ “โค้ชวัง” ไม่ลืมพูดถึงแฟนบอลที่ตามมาเชียร์ในสนาม และแฟนทางบ้านที่ส่งพลังใจเต็มหน้าจอ เขายอมรับว่าเสียงเชียร์จากอัฒจันทร์คือ “แบตเตอรี่สำรอง” ที่ช่วยให้นักเตะเติมพลังในช่วงเวลาที่เกมกดดันที่สุด

นอกจากนี้ เขายังกล่าวขอบคุณ นายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่ลงมาให้โอวาท ให้กำลังใจ และประกาศมอบโบนัสอีก 1 ล้านบาทให้กับทีม เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีเพื่อผลักดันให้นักเตะและสตาฟฟ์ทุกคนสู้เต็มร้อยในเกมชิงเหรียญทอง

โค้ชวังฝากทิ้งท้ายชัดเจน อยากให้แฟนบอลไทยเข้ามาเชียร์กันให้เต็มสนามในวันที่ 18 ธันวาคม เชื่อว่าพลังจากกองเชียร์จะช่วยเพิ่มพลังให้ทีม “วิ่งเกิน 100%” เพื่อลุ้นพาเหรียญทองซีเกมส์กลับบ้านให้ได้

เสียงจากฮีโร่ ยศกร บูรพา แมน ออฟ เดอะ แมตช์

ฮีโร่ประตูชัยอย่าง ยศกร บูรพา ยอมรับว่าดีใจเกินคำบรรยายที่ฟรีคิกของตัวเองกลายเป็นลูกสำคัญพาทีมเข้าสู่รอบชิงฯ เขาขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและสตาฟฟ์โค้ชที่เชื่อใจและให้โอกาสรับหน้าที่ในจังหวะสำคัญ

เจ้าตัวยอมรับว่าตอนซ้อมฟรีคิก ยังไม่ได้ยิงเข้าอย่างที่หวังทุกครั้ง แต่ฟุตบอลคือเกมของรายละเอียดและโอกาส การที่ลูกนี้ลอยผ่านกำแพงและซุกตาข่ายเข้าไป เป็นผลจากการทำงานหนักร่วมกันทั้งทีมมากกว่าฝีเท้าของตัวเองเพียงคนเดียว

สำหรับนัดชิงชนะเลิศกับเวียดนาม เขามองว่าเป็นอีกหนึ่งเกมใหญ่ที่ทุกคนต้อง “เล่นกันเป็นทีม” ทั้งในสนามและบนอัฒจันทร์ ยศกรฝากถึงแฟนบอลว่า ถ้าเป็นไปได้อยากเห็นราชมังฯ แน่นทุกที่นั่ง เพื่อช่วยส่งพลังให้พวกเขาทำภารกิจพาแชมป์ ซีเกมส์ กลับเมืองไทยให้สำเร็จ

โปรแกรมนัดชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ ทีมชาติไทย vs เวียดนาม

โปรแกรมต่อไปของ ฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ คือรอบชิงชนะเลิศ พบกับ เวียดนาม ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 19.30 น. เกมนี้ไม่ใช่แค่การลุ้นเหรียญทอง แต่คือการพิสูจน์ศักดิ์ศรีของวงการฟุตบอลไทยในเวทีอาเซียนอย่างแท้จริง

เกล็ดความรู้สั้นๆ ก่อนชิงซีเกมส์

  • ฟุตบอลชายซีเกมส์ มักถูกใช้เป็นเวทีทดสอบแข้งอายุน้อย ก่อนก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่
  • การเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลจำนวนมาก มักช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นให้ทีมเจ้าภาพวิ่งไม่มีหมด
  • ไทย–เวียดนาม คือหนึ่งในคู่ปรับที่เจอกันบ่อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์ระดับอาเซียน ทั้งในชุดเยาวชนและชุดใหญ่

ขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก ช้างศึก – ฟุตบอลทีมชาติไทย

แฟนบอลที่อยากตามทุกมูฟเมนต์ของทัพ ช้างศึกซีเกมส์, ข่าวในแคมป์ทีมชาติ และเบื้องหลังเกมสำคัญทั้งในและนอกสนาม อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM นะคะ

Categorized in:

ฟุตบอลไทย,