ช้างศึกซีเกมส์ พลาดทองสุดเจ็บ ต่อเวลาแพ้เวียดนาม 2-3
เกมที่ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชาย ในมหกรรม ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน คือหนึ่งในค่ำคืนที่ทั้งดุเดือดและเจ็บลึกในหัวใจแฟนบอลไทย “ช้างศึกหนุ่ม” ไล่ล่าความฝันเหรียญทองต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่สุดท้ายต้องพ่ายให้ทีมชาติเวียดนาม 2-3 ในช่วงต่อเวลา ชวดแชมป์ซีเกมส์ในบ้านตัวเองอย่างน่าเสียดาย
หลังจบ 120 นาทีที่เต็มไปด้วยความกดดัน เสียงเชียร์ และน้ำตา โค้ชวัง ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทยชุดนี้ ยืนออกมารับผิดชอบแบบลูกผู้ชาย พร้อมประกาศชัดว่า “อย่าไปโทษเด็ก” เพราะในมุมของเขา นักเตะทุกคนทำเต็มร้อยกับเสื้อทีมชาติไปแล้ว
โค้ชวังขอโทษแฟนบอล-ผู้บริหาร ย้ำเป้าเราคือแชมป์
กุนซือช้างศึกซีเกมส์เริ่มต้นด้วยการฝากคำขอโทษทั้งถึงแฟนบอลและผู้บริหารสมาคม พร้อมย้ำว่าเป้าหมายเดิมชัดเจนคือ “ต้องการแชมป์” เท่านั้น
เขาเน้นชัดว่า ทีมชาติไทยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสโมสรในการปล่อยตัวผู้เล่นมารับใช้ชาติ ทุกฝ่ายอยู่ในเรือลำเดียวกัน แต่เมื่อผลลัพธ์สุดท้ายหลุดจากเป้าหมาย กุนซือยอมเป็นคนแรกที่รับผิดชอบ ทั้งในเรื่อง แท็กติก การวางแผน และการตัดสินใจ ในแต่ละช่วงของเกม พร้อมย้ำว่านักเตะทุกคนไม่ควรถูกตั้งคำถามเรื่องความทุ่มเท
โค้ชวังพูดชัดเจนในน้ำเสียงของคนทำงานจริงจังว่า การไม่สามารถพาไทยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ “ในบ้านตัวเอง” เป็นเรื่องที่เขาน้อมรับ และจะเก็บไปเป็นบทเรียนสำคัญในเส้นทางโค้ชทีมชาติ

โมเมนตัมเปลี่ยนเกม: เสียชนภัช-โดนยิงเร็วคือจุดหักเห
หนึ่งในช่วงเปลี่ยนเกมที่โค้ชวังชี้ให้เห็นคือจังหวะที่ทีมชาติไทยต้องเสีย ชนภัช บัวพันธ์ ตั้งแต่ครึ่งแรก การเสียตัวหลักไปในเกมใหญ่ระดับนัดชิงย่อมกระทบสมดุลทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เข้าสู่ครึ่งหลัง ไทยต้องมาโดนเวียดนามยิงประตูเร็ว ทำให้ “โมเมนตัม” ทั้งเกมไหลไปเข้าทางฝั่ง เวียดนาม อย่างชัดเจน ฝั่งช้างศึกแม้จะพยายามฮึด กลับสู่เกมได้จนยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา แต่แรงส่งทางจิตใจเริ่มแกว่งเมื่อไล่ตามตลอด และสุดท้ายไม่สามารถพลิกสถานการณ์จนกลับมาคว้าแชมป์ได้
โค้ชวังย้ำว่า แม้รูปเกมจะตีกลับไปเข้าทางคู่แข่ง แต่จากมุมของสตาฟฟ์ ทุกคนเห็นแล้วว่านักเตะไทย “ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” สู้ได้ทั้งสกอร์และสภาพจิตใจ เพียงแต่ฟุตบอลระดับนี้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตัดสินชะตาทั้งทัวร์นาเมนต์ได้จริงๆ
แผนโรเตชัน-ร่างกายเด็กไทย กับโปรแกรมถี่ทั้งสโมสรและทีมชาติ
อีกประเด็นสำคัญที่โค้ชวังเปิดใจคือเรื่อง สภาพร่างกาย นักเตะชุดซีเกมส์ หลายคนต้องลงเล่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายสะสมความล้า
ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ ทีมงานพยายามใช้แผนโรเตชัน หมุนเวียนผู้เล่นให้มากที่สุด เพื่อให้ขุมกำลังหลักมีความสดมากที่สุดในเกมชี้ชะตาเหรียญทอง แต่ด้วยโปรแกรมที่แน่นและภาระทั้งสองฝั่ง นักเตะหลายคนจึงไม่สามารถอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยตามที่ต้องการ
โค้ชวังยืนยันว่า นักเตะทุกคน “วิ่งจนหมดปลอก” ทำตามแผน เล่นเพื่อชื่อเสียงของประเทศอย่างเต็มที่ เพียงแต่เมื่อยืนระยะยาวถึงช่วงต่อเวลา ความได้เปรียบด้านสภาพร่างกายอาจเทไปทางฝั่งเวียดนามมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมงานรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าหากเกมต้องยืดเยื้อจะเหนื่อยกว่าเดิม
ไม่โทษเด็ก ทิ้งบทเรียนใหญ่เพื่อก้าวต่อไปของช้างศึก
แม้ผลการแข่งขันจะจบด้วยความผิดหวัง แต่โค้ชวังย้ำชัดว่า สิ่งที่เขาเห็นจากลูกทีมคือ “ใจ” มากกว่าทุกอย่าง นักเตะแต่ละคนตั้งใจซ้อมมาตลอดช่วงเก็บตัว ทำงานหนักในสนามซ้อมและในเกมจริง และพยายามเต็มที่แล้วในทุกนาทีของซีเกมส์ครั้งนี้

เขาย้ำหลายครั้งว่า หากจะมองหาคนผิดจากการไม่ถึงเป้าหมาย “ขอให้มองมาที่ตัวโค้ชเอง” เพราะหน้าที่ของกุนซือคือการวางแผนให้ดีพอที่จะพาทีมไปถึงเหรียญทองให้ได้ ส่วน “เด็กในทีม” สมควรได้รับคำชื่นชมมากกว่าคำตำหนิ ทั้งด้านความมุ่งมั่น จิตใจ และความเป็นมืออาชีพของผู้เล่นรุ่นใหม่ทีมชาติไทย
เส้นทางต่อไป: ลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 ที่ซาอุฯ
แม้ความฝันซีเกมส์จะต้องเก็บไว้รอแก้มือครั้งหน้า แต่เส้นทางของ ทีมชาติไทย ชุดนี้ยังไม่จบลง โค้ชวังเผยว่าจะมีการประชุมสรุปผลงานวีคต่อวีค ทั้งข้อดีข้อเสีย ปัญหาจริงในสนาม และสิ่งที่ต้องปรับในเชิงแท็กติกและการเตรียมทีม
เป้าหมายต่อไป คือการเตรียมความพร้อมสำหรับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับทวีปอย่าง ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 6-24 มกราคม 2569 ซึ่งจะเป็นเวทีพิสูจน์ศักยภาพแข้งดาวรุ่งไทยอีกครั้ง ว่าจะแก้บทเรียนจากซีเกมส์ และก้าวขึ้นไปสู้กับยอดทีมเอเชียได้มากแค่ไหน
นี่ไม่ใช่จุดจบของช้างศึกหนุ่ม แต่เป็น “จุดเริ่มต้นบทใหม่” ที่แข็งแกร่งขึ้นจากบาดแผลของความพ่ายแพ้ในบ้านตัวเอง
สรุป: ความพ่ายแพ้ที่ฝากคำถาม แต่ไม่พรากหัวใจนักสู้
แม้ผลลัพธ์ในรอบชิงซีเกมส์จะไม่เป็นอย่างที่ทั้งทีมและแฟนบอลหวัง แต่สิ่งที่สะท้อนชัดจากคำพูดของ โค้ชวัง คือความเป็นผู้นำที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และพร้อมปกป้องลูกทีมจากกระแสวิจารณ์
การเสียผู้เล่นสำคัญอย่างชนภัชในครึ่งแรก การเสียประตูเร็วในครึ่งหลัง และสภาพร่างกายที่กรอบจากโปรแกรมถี่ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องจริงในสนามฟุตบอล ทว่าความทุ่มเทของนักเตะไทยชุดนี้คือสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ และจะเป็นฐานสำคัญต่อการเดินหน้าสู่ศึกเอเชีย U23 ที่รออยู่ข้างหน้า
ท้ายที่สุด ซีเกมส์ครั้งนี้อาจจบด้วยน้ำตา แต่ก็เป็นน้ำตาของทีมที่ “สู้จนวินาทีสุดท้าย” และพร้อมลุกกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมในเวทีต่อไป

เกล็ดความรู้จากเกมนี้
- ฟุตบอลซีเกมส์เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ใช้เป็นเวทีปลุกปั้นนักเตะรุ่นใหม่ให้เรียนรู้แรงกดดันระดับนัดชิงต่อหน้าแฟนบอลนับหมื่น ซึ่งต่างจากบรรยากาศบอลลีกโดยสิ้นเชิง
- การเสียผู้เล่นสำคัญตั้งแต่ครึ่งแรก ไม่ใช่แค่เรื่องแท็กติก แต่กระทบ “อารมณ์และความมั่นใจ” ของเพื่อนร่วมทีมรอบตัวด้วย ทำให้โค้ชต้องตัดสินใจเปลี่ยนแผนกลางเกมแบบฉับพลัน
- การโรเตชันนักเตะไม่ใช่แค่หมุนตัวจริง-สำรอง แต่มันคือการบริหารร่างกายทั้งทัวร์นาเมนต์ โดยเฉพาะยุคนักเตะต้องรับใช้ทั้งสโมสรและทีมชาติในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
- ทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนอย่าง U23 ชิงแชมป์เอเชีย เป็นด่านสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ ก่อนก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่ และช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้การเจอคู่แข่งต่างสไตล์จากทั้งเอเชีย
ขอบคุณรูปภาพจาก ช้างศึก – ฟุตบอลทีมชาติไทย
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะการขับเคลื่อนของ ช้างศึก, ซีเกมส์ และเวทีเอเชียต่อจากนี้ ห้ามพลาดอัปเดตสดใหม่แบบจัดเต็ม ติดตามได้ตลอดที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM