เปิดตัวเฮดโค้ชคนใหม่: พัทยายูไนเต็ดตั้ง “พิภพ” กุมบังเหียนทางการ
พัทยา ยูไนเต็ด ทีมในศึกบีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง ประกาศแต่งตั้ง “พิภพ อ่อนโม้” เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างเป็นทางการ เพื่อพาทีมเดินหน้าสู้ศึกช่วงเลกสอง ฤดูกาล 2025/26 ด้วยภารกิจชัดเจน—ยกระดับผลงาน เพิ่มความแข็งแกร่ง และสร้างทีมให้มีมาตรฐาน “แน่น-ดุดัน-มีทิศทาง” มากกว่าเดิม
การตัดสินใจครั้งนี้ของ “โลมาอหังการ” ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อบนกระดานรายชื่อสตาฟฟ์โค้ช แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า พัทยา ยูไนเต็ด พร้อมรีเซ็ตบางอย่าง เพื่อให้ครึ่งหลังของฤดูกาลเป็นช่วงเวลาที่ทีมกลับมา “เอาจริง” และทำผลงานให้คุ้มค่ากับความคาดหวังของแฟนบอล
ทำไมต้องพิภพ: ประสบการณ์ + แนวคิดฟุตบอลสมัยใหม่คือคำตอบ
การเข้ามาของพิภพ อ่อนโม้ วัย 46 ปี ถูกมองว่าเป็นการเติมเต็มทั้ง “ประสบการณ์” และ “แนวคิดฟุตบอลสมัยใหม่” ให้กับพัทยา ยูไนเต็ด หลังเจ้าตัวผ่านงานคุมทีมและงานพัฒนานักเตะมาอย่างโชกโชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สโมสรเชื่อมั่นว่าจะช่วยดันมาตรฐานทีมให้สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
สิ่งที่พัทยาคาดหวังจากการตั้งกุนซือรายนี้ ไม่ได้หยุดแค่การจัดตัวหรือเปลี่ยนแผนระหว่างเกม แต่รวมไปถึงการยกระดับภาพรวมของทีมในหลายมิติ ทั้งเรื่องแทคติก การมีวินัยในเกม การเล่นเป็นระบบ และความแข็งแกร่งในสนามที่ต้องชัดขึ้นในทุกนัด โดยเฉพาะช่วงเลกสองที่ทุกคะแนน “มีความหมาย” และทุกความผิดพลาด “มีราคา”

ภารกิจเลกสอง: ยกระดับผลงานให้เห็นชัดในครึ่งหลังฤดูกาล
พัทยา ยูไนเต็ด วางเป้าหมายของเลกสองไว้ชัดเจน นั่นคือการยกระดับผลงานให้ดีขึ้น และทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นทั้งในแง่ความฟิต ความแน่นอนของรูปแบบการเล่น และการจัดการเกมในช่วงเวลาสำคัญ เพราะเลกสองคือช่วงที่เกมจะเข้มข้นขึ้น คู่แข่งอ่านทางกันมากขึ้น และทีมที่ “พร้อมกว่า” มักเป็นฝ่ายคว้าผลลัพธ์ไปครอง
การมีเฮดโค้ชที่สโมสรเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ จะช่วยให้พัทยาเดินเกมได้ชัดขึ้น ตั้งแต่การซ้อมไปจนถึงวันแข่งขัน เพื่อให้ผลงานในสนามตอบคำถามแฟนบอลได้ว่า “ทีมกำลังดีขึ้นจริง” ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเพื่อเปลี่ยน
เตรียมทีมเข้มข้น: ปรับจูนทุกด้านก่อนเปิดฉากเลกสอง
ขณะเดียวกัน สโมสรยังเริ่มวางแผนเตรียมทีมอย่างเข้มข้น เพื่อให้พร้อมที่สุดก่อนเปิดฉากเลกสอง โดยมุ่งหวังสร้างผลงานที่ดี ตอบแทนแรงเชียร์ของแฟนบอล “โลมาอหังการ” และเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล
ในช่วงเวลาแบบนี้ รายละเอียดเล็กๆ ในสนามซ้อมอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในสนามจริง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเข้าใจเกม การสื่อสารในทีม การยืนตำแหน่ง หรือการรักษาวินัยเกมรับ-เกมรุกให้ครบ 90 นาที ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่ทีมต้องทำให้ “เข้าที่” เพื่อเริ่มเลกสองแบบไม่สะดุด

เกล็ดความรู้
- การเปลี่ยนเฮดโค้ชช่วงพักเลกมักเป็นจังหวะเหมาะที่สุด เพราะมีเวลาใส่แนวคิดใหม่และปรับระบบการซ้อมก่อนลงสนามจริง
- “ฟุตบอลสมัยใหม่” มักเน้นการเล่นเป็นระบบ ความเข้มข้นตอนเพรสซิ่ง และวินัยแทคติก ซึ่งช่วยให้ทีมมีความสม่ำเสมอมากขึ้น
- ช่วงเลกสองคือช่วงที่แต้มมีน้ำหนักสูง ทีมที่เตรียมความพร้อมดีและลดความผิดพลาดมักเห็นผลลัพธ์ชัดที่สุด
ขอบคุณรูปภาพจาก Pattaya United
ติดตามข่าวบอลไทยเข้มๆ ทุกความเคลื่อนไหวตลาดกุนซือและความเปลี่ยนแปลงของแต่ละสโมสรได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM