การันตีความสำคัญ: ท่าเรือยืนยันต่อสัญญากัปตันทีมอย่างเป็นทางการ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ การท่าเรือ เอฟซี ทีมชั้นนำในศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 เดินหน้าจัดการเรื่องแกนหลักแบบไม่รอช้า ด้วยการประกาศยืนยันต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางตัวเก๋าและกัปตันทีมคนสำคัญเป็นที่เรียบร้อย โดยสัญญาใหม่นี้จะทำให้ “เจ้าตั้ม” อยู่ค้าแข้งในถิ่นแพท สเตเดียมต่อเนื่องไปจนถึงฤดูกาล 2026/27
นี่คือการตอกย้ำชัดๆ ว่าสโมสรเลือก “ความนิ่ง” และ “ความเป็นผู้นำ” เป็นฐานสำคัญในการเดินหน้าสู่เลกสอง เพราะถ้ากลางไม่แน่น เกมทั้งทีมก็มีสิทธิ์แกว่งได้ทุกเมื่อ
ยังอยู่ในแผน “อเล็กซานเดร กามา” แบบชัดเจน
สำหรับ “เจ้าตั้ม” วัย 32 ปี ยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของ อเล็กซานเดร กามา กุนซือทัพสิงห์เจ้าท่าอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ชื่อในทีม แต่เป็นคนที่โค้ชเลือกใช้งานจริงในเกมสำคัญ
หลักฐานเห็นกันสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้ ธนบูรณ์เพิ่งออกสตาร์ทเป็นตัวจริงช่วยทีมในเกมบุกถล่ม ชัยนาท 5-0 ในศึกเมืองไทย คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นเกมที่ท่าเรือกดคู่แข่งแบบไม่ให้หายใจ และ “เจ้าตั้ม” ก็เป็นหนึ่งในคนที่คุมจังหวะให้ทีมเล่นง่ายขึ้นตลอด 90 นาที
สถิติเลกแรกสะท้อนบทบาท: ลง 13 จาก 18 เกมรวมทุกรายการ
หากมองจากภาพรวมผลงานเลกแรก ธนบูรณ์ลงสนามไปแล้ว 13 นัดจากทั้งหมด 18 เกมรวมทุกรายการ เป็นตัวเลขที่สะท้อนว่าเขายังเป็นตัวเลือกที่ทีมเชื่อใจ โดยเฉพาะในช่วงที่เกมแน่น โปรแกรมถี่ และทีมต้องการคนคุมอารมณ์เกมให้ “อยู่ทรง” ไม่ไหลไปตามสถานการณ์
และนั่นคือเหตุผลที่การขยายสัญญาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ แต่เป็น “การตัดสินใจที่ตรงตามความจริงในสนาม”

เส้นทางกับท่าเรือ: มาเลกสอง 2019 แล้วพาทีมซิวแชมป์ทันที
ธนบูรณ์ย้ายมาร่วมทัพ การท่าเรือ เอฟซี ตั้งแต่ช่วงเลกสองของฤดูกาล 2019 และแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนาน เพราะเจ้าตัวช่วยทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ ในปีนั้นได้ทันที กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลจำได้ว่า “มาแล้วทีมได้ถ้วยเลย”
จากวันนั้นถึงวันนี้ เจ้าตั้มสั่งสมสถิติลงเล่นให้ท่าเรือไปแล้ว 145 นัดรวมทุกรายการ และปัจจุบันยังเป็นกำลังหลักสำคัญในแดนกลาง รวมถึงได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม เป็นคนที่ทั้งทีมมองเห็นได้ชัดว่าเป็น “ตัวคุมโทน” ทั้งในและนอกสนาม
ทำไมการต่อสัญญานี้สำคัญกับท่าเรือในเลกสอง
การต่อสัญญากับธนบูรณ์ไม่ได้หมายถึงแค่เก็บนักเตะไว้ใช้งาน แต่เป็นการเก็บ “แกนความเป็นทีม” ไว้ด้วย เพราะในช่วงเลกสอง ทุกแต้มมีความหมาย และทีมที่มีแกนกลางประสบการณ์สูงจะได้เปรียบในเกมที่อึดอัด เกมที่ต้องประคอง หรือเกมที่ต้องชนะให้ได้แบบห้ามพลาด
การมี “กัปตัน” ที่รู้จังหวะ รู้วิธีปิดเกม และคุมสมาธิทีมได้ จึงเป็นเหมือนเสาหลักที่ทำให้ทีมเดินไปข้างหน้าแบบไม่ล้มง่ายๆ
เกล็ดความรู้
- กองกลางตัวรับที่มีประสบการณ์สูง มักเป็น “ตัวกันเกมสวน” และช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียบอลในพื้นที่อันตราย
- การได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ไม่ได้สะท้อนแค่ฝีเท้า แต่หมายถึงความเป็นผู้นำ การสื่อสาร และความน่าเชื่อถือในห้องแต่งตัว
- นักเตะที่อยู่กับสโมสรยาวหลายฤดูกาล มักเป็นแกนหลักในการถ่ายทอดมาตรฐานทีมให้รุ่นน้อง โดยเฉพาะช่วงเลกสองที่ความกดดันสูง
ขอบคุณรูปภาพจาก การท่าเรือ เอฟซี Port FC
แฟนบอลที่อยากตามทุกความเคลื่อนไหวของไทยลีกแบบเข้มๆ ชัดๆ และทันทุกจังหวะ อย่าลืมติดตามข่าวฟุตบอลมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM