ศึกชี้ชะตาแชมป์เริ่มเดือด

ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 เข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญหลังผ่าน 9 นัดแรกแบบสุดมันส์ โดยล่าสุด อาร์เซน่อล เฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 พร้อมขยับเข้าใกล้ตำแหน่งจ่าฝูง หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างพลาดท่าพ่ายในเกมเดียวกัน จนรูปแบบการลุ้นแชมป์เริ่มกลับมาสูสีอีกครั้ง

แม้ “ปืนใหญ่” จะถูกตั้งคำถามเรื่องเกมรุกที่เฉียบคมไม่พอ แต่ในทางกลับกัน เกมรับของพวกเขาแข็งแกร่ง จนน่าจับตา โดยเสียเพียง 3 ประตูจากทุกรายการตั้งแต่เปิดซีซั่น ส่วน ลิเวอร์พูล ยังคงเผชิญปัญหาเกมรับที่เปราะบางและแนวรุกที่ขาดความสม่ำเสมอ ทำให้ร่วงจากจ่าฝูงลงไปอยู่อันดับ 7 ด้าน แมนฯ ซิตี้ ก็ยังขาดความต่อเนื่อง — หากวันไหน เออร์ลิง ฮาลันด์ ไม่ฟอร์มเทพ พวกเขาก็มีสิทธิ์พลาดแต้มทันที

5 นัดถัดไปจะเป็นช่วงเวลาที่ชี้ชะตาการขับเคี่ยวแชมป์อย่างแท้จริง ก่อนเข้าสู่โปรแกรมหฤโหดช่วงปลายปีที่มาพร้อมเทศกาลฟุตบอลอังกฤษ


โปรแกรม 5 นัดถัดไปของ อาร์เซน่อล

เบิร์นลี่ย์ (เยือน), ซันเดอร์แลนด์ (เยือน), ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (เหย้า), เชลซี (เยือน), เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)

สำหรับ อาร์เซน่อล โปรแกรมช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนดูเหมือนเบา แต่ในความเป็นจริง “ปืนใหญ่” ต้องออกไปเยือน 2 เกมติดกับทีมน้องใหม่ที่กำลังเล่นแบบไม่กลัวใคร โดยเฉพาะ ซันเดอร์แลนด์ ที่ฟอร์มจัดจ้านในการกลับมาสู่ลีกสูงสุด

จากนั้นพวกเขาจะเปิดศึก นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ รับมือ สเปอร์ส เกมใหญ่ที่ไม่ใช่แค่ศักดิ์ศรีแต่มีเดิมพันถึงตำแหน่งบนหัวตาราง ก่อนบุกไปเยือน เชลซี อริร่วมเมือง และปิดโปรแกรมในบ้านกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่มักสร้างปัญหาให้ทีมใหญ่เสมอ

นอกจากนี้ อาร์เซน่อล ยังต้องเจอกับโปรแกรม คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ บาเยิร์น มิวนิค กลางสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม มิเกล อาร์เตต้า ต้องวางแผนโรเตชั่นให้เฉียบ เพราะทุกแต้มสำคัญกับการไล่ล่าแชมป์


โปรแกรม 5 นัดถัดไปของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

บอร์นมัธ (เหย้า), ลิเวอร์พูล (เหย้า), นิวคาสเซิ่ล (เยือน), ลีดส์ ยูไนเต็ด (เหย้า), ฟูแล่ม (เยือน)

สองเกมแรกถือว่าหนักสุดสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เริ่มจากการรับมือ บอร์นมัธ ที่ปัจจุบันบินสูงในอันดับ 2 ของตาราง ก่อนเปิดบ้านฟาดแข้งกับ ลิเวอร์พูล คู่แข่งโดยตรงในการแย่งพื้นที่บนหัวตารางและแชมป์ลีก

หลังจากนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องนำลูกทีมบุกเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งไม่เคยเป็นงานง่าย จากนั้นจึงเจอกับ 2 แมตช์ที่ดูเบากว่าอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด และ ฟูแล่ม ที่ซิตี้มักเก็บชัยได้เสมอ

อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่า “เรือใบสีฟ้า” ยังมีภาระในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทั้งสองนัดเล่นที่เอติฮัด ซึ่งหมายความว่าโปรแกรมช่วงนี้แน่นเอี๊ยดและมีความเสี่ยงเรื่องความฟิตของผู้เล่น


โปรแกรม 5 นัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล

แอสตัน วิลล่า (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน), น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (เยือน), ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า)

สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ดูซับซ้อนกว่าคู่แข่ง พวกเขาเริ่มต้นด้วยเกมใหญ่เปิดบ้านรับ แอสตัน วิลล่า ทีมที่กำลังร้อนแรงชนะ 4 นัดติด โดยหนึ่งในเหยื่อคือ แมนฯ ซิตี้ เอง หลังจากนั้นก็ต้องบุกไปเยือน เอติฮัด ของแชมป์เก่าในเกมระดับ 6 คะแนน

หาก “หงส์แดง” ผ่าน 2 เกมนี้ไปได้ด้วยผลลัพธ์ที่ดี โอกาสกลับมาลุ้นพื้นที่บนหัวตารางจะเปิดกว้างขึ้น เพราะโปรแกรมถัดมาเป็นเกมในรังแอนฟิลด์เจอ ฟอเรสต์ และ ซันเดอร์แลนด์ รวมถึงเกมเยือน เวสต์แฮม ที่ไม่ใช่งานเบาแต่ยังอยู่ในมือของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ก่อนเกมบิ๊กแมตช์เยือน แมนฯ ซิตี้ พวกเขายังต้องฟัดกับ เรอัล มาดริด ในแชมเปี้ยนส์ ลีก และช่วงปลายเดือนก็มีนัดพบ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องบริหารทีมอย่างรอบคอบในช่วงโปรแกรมถี่จัดนี้


เกร็ดหน้ารู้เกี่ยวกับ : การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

  • 5 เกมถัดไปของบิ๊ก 3 ทีมนี้มีเกมใหญ่รวมกันถึง 4 นัด ซึ่งอาจเปลี่ยนหน้าตาตารางคะแนนได้ทันที
  • ทีมที่เก็บได้ 12 คะแนนขึ้นไปจาก 15 คะแนนเต็ม มีโอกาสลุ้นแชมป์ถึง 78% ในช่วงโค้งคริสต์มาส (จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี)
  • อาร์เซน่อล มีเกมรับดีที่สุดในบรรดาทีมลุ้นแชมป์ ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมบอลถ้วยหนักสุด

ติดตามความเคลื่อนไหวเดือดของศึกพรีเมียร์ลีกแบบใกล้ชิดได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM