ค่ำคืนที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม กลายเป็นเวทีของชายชื่อ โมอิเซส คาอีเซโด้ (Moises Caicedo) มิดฟิลด์ชาวเอกวาดอร์ที่โชว์ฟอร์มระดับโลก พา เชลซี (Chelsea) บุกเฉือน สเปอร์ส (Tottenham Hotspur) 1-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง พร้อมเสียงชื่นชมทั่วเกาะอังกฤษว่า “นี่คือหนึ่งในมิดฟิลด์รับที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้!”

เชลซีโชว์ความนิ่ง บุกคว้าชัยเหนือสเปอร์สในเกมแห่งศักดิ์ศรี

ลูกทีมของ เอนโซ่ มาเรสก้า (Enzo Maresca) ต้องการเรียกความมั่นใจกลับมาหลังเกมกลางสัปดาห์ในศึกคาราบาวคัพที่มีผู้เล่นโดนใบแดงถึง 6 คนใน 9 นัดหลังสุด แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่า “เรียนรู้จากบทเรียน” ได้อย่างแท้จริง

เกมนี้ เชลซีแม้จะชนะเพียง 1-0 จากประตูชัยของ เจา เปโดร (Joao Pedro) แต่รูปเกมโดยรวมเหนือกว่าชัดเจน ทั้งจังหวะครองบอล การเพรสซิ่ง และการควบคุมแดนกลางที่แข็งแกร่ง ซึ่งหัวใจสำคัญคือคาอีเซโด้ ผู้เป็นเสมือนเครื่องจักรกลในเกมนี้

คาอีเซโด้ครองแดนกลาง – สะกดเกมสเปอร์สอยู่หมัด

ก่อนเกม มาเรสก้าเน้นชัดว่าทีมต้อง “โตขึ้น” และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คาอีเซโด้คุมจังหวะเกมได้อย่างเด็ดขาด ทั้งเกมรับ เกมรุก และการตัดบอลกลางสนาม เขาเข้าปะทะหนักแน่นแต่แม่นยำ วิ่งไม่มีหมด และตัดบอลได้หลายครั้งจนเกมของสเปอร์สแทบไม่สามารถสร้างความกดดันได้เลย

ก่อนแมตช์นี้ คาอีเซโด้นำเป็นอันดับหนึ่งในพรีเมียร์ลีกในสถิติ แท็คเกิลและตัดบอลรวมกัน 49 ครั้ง และหลังเกมนี้เขาเพิ่มอีก 2 แท็คเกิลกับ 4 อินเตอร์เซ็ปต์ รวมทั้งเก็บบอลคืนได้ถึง 7 ครั้ง

เอนโซ่ มาเรสก้ากล่าวหลังเกมว่า “I think he’s showing how good he is… For me, in this moment, him and Rodri are the two best defending midfielders in the world.” คำพูดที่ยืนยันว่าเขากำลังยืนอยู่ในระดับเดียวกับ โรดรี้ (Rodri) มิดฟิลด์แชมป์ยุโรปจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้

แอสซิสต์ระดับมาสเตอร์! คาอีเซโด้ปั้นโกลให้เจา เปโดรจบสกอร์

จังหวะที่เป็นไฮไลต์ของเกมเกิดขึ้นเมื่อคาอีเซโด้โชว์คลาสในจังหวะเดียวปิดฉากสองผู้เล่นสเปอร์ส — ตัดบอลจาก เจ็ด สเปนซ์ (Djed Spence) และ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน (Micky van de Ven) ก่อนปาดบอลให้ เจา เปโดร ยิงจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูปลดล็อกของดาวยิงบราซิเลียนที่ไม่ได้ยิงตั้งแต่เดือนสิงหาคม

หลังจบเกม เจา เปโดรถึงกับกล่าวติดตลกว่าจะ “เลี้ยงข้าวคาอีเซโด้” เพื่อขอบคุณที่ปลดล็อกสกอร์ได้ในที่สุด หลังร้างประตูไปนานกว่า 705 นาที

มาเรสก้ากำลังสร้างทีมที่ “โตเต็มวัย”

ชัยชนะเกมนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า เชลซีของมาเรสก้ากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้ทีมยังหนุ่ม แต่เล่นด้วยความมุ่งมั่นและมีระเบียบ คาอีเซโด้, รีซ เจมส์ และ เอนโซ่ เฟร์นันเดซ กลายเป็นแกนกลางที่สมดุลระหว่างพละกำลังและเทคนิคระดับสูง

มาเรสก้ามองว่า “การเล่นของคาอีเซโด้เป็นตัวอย่างของความเป็นมืออาชีพ เขาทำให้ทีมมั่นใจขึ้นทุกครั้งที่อยู่ในสนาม” ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากลายเป็นเสาหลักในระบบใหม่ของกุนซืออิตาเลียน

สเปอร์สยังคงมีปัญหาเกมรุกไร้ไอเดีย

ด้านเจ้าบ้านของ โธมัส แฟรงค์ (Thomas Frank) ยังไม่สามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้เลย ตลอดทั้งเกมมีเพียง 3 ลูกยิงจาก โมฮัมเหม็ด คูดุส (Mohammed Kudus) และนั่นทำให้พวกเขามีค่า xG (Expected Goals) เพียง 0.05 — ต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกของสโมสรในรอบกว่า 500 นัด

โค้ชสเปอร์สยอมรับหลังเกมว่า “I think we created very, very little — I don’t think I’ve ever managed a team that’s created that little [in a game]…” ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาใหญ่ของทีมที่ขาดนักปั้นเกมตัวจริง หลัง เจมส์ แมดดิสัน (James Maddison) ยังบาดเจ็บยาว

แม้ก่อนเกมพวกเขาจะมีสถิติยิงรวม 17 ประตู เป็นอันดับต้นๆ ของลีก แต่หากดูจากค่า xG จริง ๆ ทีมอยู่อันดับ 13 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพึ่งจังหวะเฉียบขาดมากกว่าการสร้างสรรค์เกมอย่างมีระบบ

สถิติชี้ชัด – สเปอร์สไร้พิษสงในบ้าน

ยิ่งไปกว่านั้น สเปอร์สทำผลงานในบ้านได้แย่ผิดคาด หากนับเฉพาะเกมเยือนพวกเขาจะอยู่ในตำแหน่ง “จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก” แต่ถ้านับเฉพาะเกมเหย้า จะหล่นไปถึงอันดับ 17 สะท้อนถึงปัญหาความกดดันในรังเหย้าที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน

แฟรงค์ย้ำหลังเกมว่า “Clearly we are building something… sometimes it’s very good but unfortunately today was not good.” ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า ทีมยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่แฟนบอลอาจเริ่มหมดความอดทนกับฟอร์มในบ้านที่ไร้พลังเช่นนี้

โปรแกรมต่อไป – ทดสอบของจริงทั้งสองทีม

สำหรับสเปอร์ส โปรแกรมสุดหินรออยู่ เมื่อจะต้องบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สัปดาห์หน้า และต่อด้วยศึกใหญ่ ดาร์บี้ลอนดอนเหนือกับอาร์เซน่อล หลังพักเบรกทีมชาติ

ขณะที่เชลซีมีโอกาสเก็บเพิ่มอีก เมื่อจะเจอกับ วูล์ฟส์ และ เบิร์นลี่ย์ ในสองเกมถัดไป ก่อนปิดท้ายเดือนด้วยศึกเดือดกับ อาร์เซน่อล เช่นกัน

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ : โมอิเซส คาอีเซโด้

  • คาอีเซโด้ย้ายจากไบรท์ตันมาเชลซีในปี 2023 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 115 ล้านปอนด์
  • เขาเป็นนักเตะเอกวาดอร์คนแรกที่เล่นให้เชลซีในประวัติศาสตร์
  • ปัจจุบันรั้งอันดับ 1 ในพรีเมียร์ลีกด้าน “แท็คเกิล+อินเตอร์เซ็ปต์” รวมต่อเกม
  • แฟนบอลเอกวาดอร์ขนานนามเขาว่า “El Pulmón del Equipo” หรือ “หัวใจของทีม” เพราะวิ่งไม่มีหมดในทุกแมตช์

ติดตามข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและฟอร์มของนักเตะระดับโลกได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM