ภาพรวมเกม ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์กดเวสต์แฮม 2-0
เกมที่สนามแอนฟิลด์ที่ผ่านมา ไม่ได้มีแค่ผลสกอร์ 2-0 ที่แฟนบอลพูดถึง แต่ชื่อของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กลายเป็นจุดสนใจสำคัญ หลังโชว์ฟอร์มเด่นสุดตั้งแต่ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบอยู่หมัด
แม้ก่อนหน้านี้ เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมันจะโดนตั้งคำถามอย่างหนัก ทั้งเรื่องค่าตัวระดับ 116 ล้านปอนด์ (ราว 5,104 ล้านบาท) ที่ย้ายมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ยังไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ในลีก ทว่าภาพในเกมล่าสุดเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเขามีส่วนสำคัญในเกมรุก จนช่วยให้ทีมคว้าชัยพร้อมกู้ความเชื่อมั่นกลับมาได้
เวียร์ตซ์ จากตัวกดดันสู่ตัวความหวังในเกมรุกหงส์แดง
ตั้งแต่เปิดซีซั่น 2025/26 เวียร์ตซ์ถูกจับตามองทุกจังหวะที่ลงสนาม เพราะสถานะ “แข้งค่าตัวแพง” ทำให้ทุกสัมผัสบอลของเขาถูกขยายใหญ่กว่าปกติ และเมื่อผลงานช่วงแรกไม่เปรี้ยงอย่างที่คาด เสียงวิจารณ์จึงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในเกมเจอเวสต์แฮม เวียร์ตซ์แสดงให้เห็นว่า เขาไม่ใช่แค่ตัวเลขค่าตัวบนหน้ากระดาษ เขาเชื่อมเกมระหว่างกลางสนามกับพื้นที่สุดท้ายได้อย่างลื่นไหล กล้าเล่น กล้าจ่าย และกล้ารับผิดชอบจังหวะสำคัญ มีส่วนร่วมกับการขึ้นเกมรุกหลายครั้ง โดยเฉพาะจังหวะประสานงานร่วมกับ โกดี้ คักโป และ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ที่นำไปสู่ประตูขึ้นนำสำคัญของทีม
นี่ไม่ใช่เกมที่เวียร์ตซ์ต้องยิงเองให้โลกจดจำ แต่มันคือการประกาศว่า เขาพร้อมเป็นสมองของแนวรุกลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง
ฟาน ไดค์ ย้ำชัด เวียร์ตซ์คุณภาพเห็นชัดทั้งมีบอล–ไม่มีบอล
ด้าน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมชาวดัตช์ ออกโรงยกย่องรุ่นน้องแบบไม่มีกั๊ก หลังจบเกม โดยมองว่า นี่คือการแสดงศักยภาพตัวจริงของเวียร์ตซ์ที่ทุกคนรอคอย
ฟาน ไดค์ยอมรับว่า เวียร์ตซ์ “เล่นได้ยอดเยี่ยม” ทั้งในแง่การเคลื่อนที่หาพื้นที่, รับบอลระหว่างไลน์, เชื่อมเกมกับเพื่อน และที่สำคัญคือ “งานเกมรับตอนไม่มีบอล” ที่เจ้าตัวช่วยไล่บีบคู่แข่งอย่างมีวินัย ทำให้ทีมสามารถยืนไลน์รับได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
กัปตันดัตช์ยังชี้ว่า เกมนี้ต่อเนื่องมาจากนัดที่เวียร์ตซ์เล่นดีในเกมพบแฟร้งค์เฟิร์ต จึงไม่ใช่ฟอร์มวูบวาบชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณว่ามิดฟิลด์เยอรมันกำลังค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับแท็กติกและความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีกได้แล้ว
จากเสียงวิจารณ์สู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเวียร์ตซ์
ก่อนหน้านี้ เวียร์ตซ์โดนลากไปอยู่กลางพายุคำวิจารณ์ ทั้งเรื่องค่าตัว ทั้งเรื่องตัวเลขผลงานที่ยัง “เงียบ” ในลีก มีเพียงประตูเดียวในถ้วยคาราบาว คัพ ทำให้หลายคนมองว่าเขายังไม่คุ้มค่าการลงทุนของสโมสร
แต่เกมชนะเวสต์แฮมอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญ เพราะนอกจากจะมีส่วนร่วมกับประตูแล้ว เขายังเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น กล้าเสี่ยง กล้าจ่ายทะลุช่อง และไม่หลบจังหวะปะทะกับคู่แข่ง นี่คือฟอร์มที่ทำให้แฟนบอลเริ่มมองเขาในมุมใหม่ว่า ไม่ใช่ดาวรุ่งชื่อดังจากบุนเดสลีกาอีกต่อไป แต่คือจอมทัพคนหนึ่งของแอนฟิลด์ในปัจจุบัน
มุมมองของกัปตันทีมต่ออนาคตแนวรุกลิเวอร์พูล
ฟาน ไดค์เน้นย้ำว่า นี่เป็นเพียง “หนึ่งเกมดีๆ” เท่านั้น สิ่งสำคัญคือเวียร์ตซ์ต้องรักษามาตรฐานแบบนี้ให้ต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ทีมเดินหน้าคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการในระยะยาว
คำพูดของกัปตันทีมไม่ใช่การกดดัน แต่เป็นการส่งสารชัดว่า นักเตะอย่างเวียร์ตซ์ “ดีพอ” ที่จะเป็นฟันเฟืองหลักของทีม เพียงแค่เขาต้องไม่หยุดพัฒนา และใช้เกมนี้เป็นเชื้อไฟเดินหน้าต่อไปในทุกนัดที่ลงสนาม
เมื่อจิ๊กซอว์ใหม่อย่างเวียร์ตซ์เริ่มเข้ารูป ประกอบกับฟอร์มที่กำลังปลดล็อกของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค และการยืนระยะของแนวรับที่มีฟาน ไดค์คุมอยู่ ลิเวอร์พูลอาจกลายเป็นทีมที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมในช่วงต่อจากนี้
เกล็ดความรู้จากเกมนี้
- เวียร์ตซ์ย้ายมาลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวระดับเกิน 100 ล้านปอนด์ ทำให้ถูกคาดหวังให้เป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” โดยทันที
- นักเตะประเภทเพลย์เมกเกอร์มักใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสปีดฟุตบอลอังกฤษมากกว่าตำแหน่งอื่น เพราะต้องอ่านทั้งจังหวะเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งไปพร้อมกัน
- คำชื่นชมจากผู้นำห้องแต่งตัวอย่างฟาน ไดค์ มีผลอย่างมากต่อความมั่นใจของนักเตะใหม่ และมักทำให้บรรยากาศในทีมแน่นแฟ้นขึ้น
- เกมที่นักเตะไม่ได้ยิงหรือจ่ายโดยตรง แต่มีส่วนร่วมสูงกับรูปเกม มักเป็นเกมที่โค้ชและเพื่อนร่วมทีมมองเห็นคุณค่ามากกว่าที่ตัวเลขสถิติแสดงออกมา
- การรักษามาตรฐานหลังเกมปลดล็อกคือบททดสอบสำคัญที่สุดของนักเตะค่าตัวมหาศาล ว่าจะเป็นดีลสุดคุ้มหรือแค่กระแสช่วงสั้นๆ
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล…อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM
