เมาท์คัมแบ็กตัวจริง–แมนยูโชว์คลาสบุกยิงวูล์ฟส์คาถิ่น

เกมที่โมลินิวซ์ สเตเดียม กลายเป็นเวทีที่ เมสัน เมาท์ ประกาศตัวคืนฟอร์มอย่างเต็มตัว หลังได้กลับมาออกสตาร์ตเป็นตัวจริงให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตอบแทนความไว้วางใจด้วยการซัดหนึ่งประตู พาทีมบุกอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ขาดลอย 4-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ก่อนหน้านี้ เมาท์เพิ่งต้องนั่งสำรองในเกมที่เสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ทันทีที่ได้โอกาสคืน 11 ตัวจริง เขาไม่เพียงแค่ใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดเท่านั้น ยังวิ่งไล่ไล่บี้ เติมเกม สนับสนุนเพื่อนร่วมทีมทั้งการเพรสซิ่ง การเชื่อมเกม และการช่วยไล่บีบในแดนกลางแบบไม่มีหมด

ชัยชนะเกมนี้ไม่ใช่แค่สามแต้มธรรมดา แต่เป็นการย้ำให้เห็นว่า เมื่อเมาท์อยู่ในจังหวะที่ใช่และระบบที่เหมาะ เขาพร้อมเป็นตัวเปลี่ยนหน้าเกมให้ยูไนเต็ดได้ทุกเมื่อ

อโมริมชมไม่ขาดปาก – เมาท์ไม่ได้เด่นแค่ที่ประตู

หลังจบเกม รูเบน อโมริม เฮดโค้ชปีศาจแดง ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า สิ่งที่เขาประทับใจในตัวเมาท์ไม่ได้มีเพียงประตูที่ยิงได้ แต่คือภาพรวมทั้งหมดของการเล่น

เขาย้ำว่าจุดเด่นของเมาท์อยู่ที่

  • การอ่านเกมและการเคลื่อนที่ในจังหวะไม่มีบอล
  • การเชื่อมแดนกลางกับแนวรุกให้ไหลลื่น
  • วินัยเกมรับเมื่อต้องถอยลงมาช่วยไล่เพรสและปิดพื้นที่

อโมริมบอกว่า เมาท์รู้ดีว่าตัวเองมีเทคนิคในระดับไหน และไม่จำเป็นต้องสัมผัสบอลตลอดเวลาเพื่อพิสูจน์คุณค่าในทีม แค่เลือกจังหวะเล่นให้ถูกเวลา ถูกพื้นที่ ก็สร้างอิมแพ็กได้แล้ว

โค้ชชาวโปรตุกีสยังชื่นชมเรื่องทัศนคติว่า เมาท์เป็นคนที่ “ทำงานหนักสุดๆ” และเข้าใจดีว่าฟุตบอลระดับสูง นักเตะทุกคนต้องยอมรับบทบาททั้งตอนอยู่ในสนามและตอนนั่งสำรอง ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นคนที่โค้ชกล้าเชื่อใจในเกมใหญ่

เมาท์: จากม้านั่งสำรอง สู่หัวใจแดนกลางปีศาจแดง

การที่เมาท์เคยต้องเริ่มเกมจากม้านั่งสำรองในนัดก่อนหน้า ไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิ ตรงกันข้าม จังหวะการเคลื่อนที่ การไล่เพรส และการหาพื้นที่ในเกมกับวูล์ฟส์ ทำให้เห็นว่า เขาใช้โอกาสที่ได้รับตอบแทนโค้ชแบบเต็ม 100%

ในเกมนี้ เมาท์ถูกใช้งานในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกกึ่งเบอร์ 8 ที่ต้องเชื่อมเกม

  • เมื่อทีมครองบอล เขาเติมสูงเข้าไปยืนระหว่างไลน์แนวรับคู่แข่ง
  • เมื่อเสียบอล เขาเป็นคนแรกๆ ที่ไล่บีบเพื่อบังคับให้วูล์ฟส์รีบเล่นและเสียจังหวะ

ประตูที่เมาท์ทำได้ยิ่งตอกย้ำว่า หากเขามีความมั่นใจและความเชื่อจากโค้ช การจับจังหวะยิงในพื้นที่สุดท้ายยังเฉียบคมไม่แพ้ตัวรุกคนอื่นในทีม

อโมริมเตือนลูกทีม – ชนะขาดแต่ยังต้องเก็บรายละเอียด

แม้สกอร์จะออกมาขาดลอย แต่สำหรับอโมริม นี่ไม่ใช่เกมที่ “เพอร์เฟกต์” เขายอมรับตรงๆ ว่ามีหลายช่วงที่ทีมยังปล่อยให้ตัวเองลอย ได้เปรียบเกมแต่กลับเสียประตูในจังหวะที่ไม่น่าพลาด

เขาชี้ให้เห็นว่า

  • ตอนนำ 1-0 แมนยูมีโอกาสจะปิดเกมด้วยประตูที่ 2 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ขาดความคมในจังหวะสุดท้าย
  • ทีมปล่อยให้คู่แข่งตีไข่แตก ทั้งที่คุมบอลและคุมพื้นที่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน

จากมุมมองของกุนซือ การเสียประตูในช่วงที่ตัวเอง “กำคุมเกมอยู่แล้ว” คือรายละเอียดที่ต้องแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะหากต้องไปเจอคู่ต่อสู้ในระดับที่แกร่งกว่านี้ ซึ่งจังหวะพลาดครั้งเดียวอาจหมายถึงการเสียแต้มสำคัญ

อโมริมย้ำว่า ยูไนเต็ดจำเป็นต้อง “จบจังหวะ” ให้ดีกว่านี้ และรักษามาตรฐานตลอด 90 นาที ไม่ใช่เล่นดีเป็นพักๆ แล้วปล่อยให้คู่แข่งกลับเข้ามาในเกม

เกล็ดความรู้จากเกม วูล์ฟส์ 1-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  1. เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่สมบูรณ์ที่สุดของเมาท์ในสีเสื้อยูไนเต็ด ทั้งในแง่สถิติการยิงประตูและการทำงานในเกมรับ
  2. บทบาทมิดฟิลด์ที่วิ่งไม่มีหยุด ไล่เพรสจากแดนบนลงมาจนถึงกลางสนาม คือสไตล์การเล่นที่เข้าทางอโมริมอย่างชัดเจน
  3. การตัดสินใจดร็อปนักเตะแล้วให้กลับมาเป็นตัวจริงในเกมสำคัญ เป็นวิธีที่โค้ชระดับท็อปใช้ “ทดสอบสภาพจิตใจ” ว่านักเตะคนนั้นพร้อมแค่ไหน
  4. ชัยชนะ 4-1 แม้จะดูขาด แต่ในสายตากุนซือ นี่คือเกมที่เต็มไปด้วยบทเรียนทั้งเรื่องการปิดเกมและการรักษาวินัยเกมรับ
  5. ฟอร์มแบบนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เมาท์กลับมาเป็นตัวหลักในแดนกลางของยูไนเต็ดอย่างถาวร หากเขารักษามาตรฐานและความดุดันแบบนี้ต่อเนื่อง

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล อังกฤษ ยุโรป และข่าวเดือดจากทุกลีกดัง อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM