สถานการณ์ดราม่าในแคมป์ลิเวอร์พูลหลังเกมเดือดเจ๊าลีดส์

บรรยากาศในทีม ลิเวอร์พูล ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อนแรงไม่แพ้เกมในสนาม หลังจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ให้สัมภาษณ์เชิงวิจารณ์สโมสรและกุนซือ อาร์เนอ สล็อต ภายหลังเกม พรีเมียร์ลีก ที่ “หงส์แดง” บุกไปเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ทั้งในสื่อและโซเชียล

หลายคนตั้งคำถามว่านี่คือรอยร้าวในห้องแต่งตัวหรือไม่ แต่ล่าสุดเสียงจากคนในทีมอย่าง เคอร์ติส โจนส์ ออกมายืนยันชัดเจนว่า เรื่องนี้ถูกเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วภายใน และทุกอย่าง “กลับสู่โหมดปกติ”

โจนส์เปิดใจ – ซาลาห์เอ่ยคำขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม

โจนส์ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับสื่อดังจากอังกฤษ เผยเบื้องหลังว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เดินเข้ามาพูดกับเพื่อนร่วมทีมทุกคนในห้องแต่งตัวอย่างตรงไปตรงมา

เขาส่งสารประมาณว่า

“ถ้าสิ่งที่ผมพูดออกไปทำให้ใครรู้สึกไม่ดี หรือกระทบใคร ผมขอโทษ”

จังหวะนั้นทำให้เพื่อนร่วมทีมเห็นชัดว่า ซาลาห์ไม่ได้ตั้งใจจะทำลายบรรยากาศในทีม แต่เป็นการพูดจากความรู้สึกในฐานะคนที่อยากเห็นทีมชนะ และไม่พอใจกับผลการแข่งขันที่ควรทำได้ดีกว่านั้น

โจนส์ย้ำว่า ภาพที่คนภายนอกเห็นอาจเหมือนมีปัญหา แต่สำหรับคนในทีมแล้ว “โม ยังเป็นคนเดิม” ทั้งรอยยิ้ม ท่าทาง และความเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว

ทัศนคติของซูเปอร์สตาร์ – ถ้าอยากชนะจริง ต้องกล้ารู้สึกและกล้าพูด

หนึ่งในประโยคสำคัญที่ เคอร์ติส โจนส์ สะท้อนคือ เขายอมรับว่าบางครั้งการแสดงออกของนักเตะอาจดูแรงในสายตาคนนอก แต่ความจริงมันมาจาก “ความกระหายชัยชนะ”

โจนส์มองว่า ปัญหาที่แท้จริงของทีมฟุตบอลไม่ใช่การมีผู้เล่นที่โกรธหรือผิดหวังหลังเกม แต่คือการมีคนที่ “เฉย ๆ กับการไม่ได้ลงเล่น” หรือไม่รู้สึกอะไรกับการช่วยทีม นั่นต่างหากคือสิ่งที่น่ากังวล

เขาย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เดือดหรือความไม่พอใจ ถ้ามาจากจุดตั้งต้นที่อยากให้ทีมดีขึ้น อยากพาทีมชนะ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพลังบวก ตราบใดที่สุดท้ายทุกคนยังกลับมารวมกันแล้วเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

เคลียร์ใจแล้ว มูฟออนสู่เป้าหมาย – ลิเวอร์พูลกำลังกลับมาเล่นของตัวเอง

โจนส์ยืนยันว่า ตอนนี้ในทีม ลิเวอร์พูล บรรยากาศดีขึ้นอย่างชัดเจน ทุกคนกลับมามองไปที่สนามและผลงานมากกว่าจะจมอยู่กับดราม่าข่าวนอกสนาม

เขาบอกว่าทีมกำลัง “เล่นได้ดี และเริ่มกลับมาคว้าชัยชนะต่อเนื่อง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ในห้องแต่งตัวไม่ได้พังอย่างที่หลายคนกลัว กลับกัน เหตุการณ์นี้อาจทำให้ทุกคนได้ทบทวนและยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นด้วยซ้ำ

แม้คำพูดของซาลาห์จะทำให้เกิดกระแสแรงในช่วงแรก แต่การกล้าลุกขึ้นมาพูดขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม ก็เป็นภาพที่ชัดเจนว่าซูเปอร์สตาร์รายนี้ยังให้เกียรติทุกคนในทีม และพร้อมเดินหน้าร่วมกันต่อไป

โปรแกรมต่อไปของลิเวอร์พูล – ดวลสเปอร์สไร้เงาซาลาห์

ภารกิจต่อไปของ ลิเวอร์พูล คือเกม พรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคมนี้ ซึ่งทีมจะต้องบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เกมใหญ่ที่มีทั้งความกดดันและความคาดหวังเต็มพิกัด

อย่างไรก็ตาม ในแมตช์นี้ “หงส์แดง” จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แน่นอนแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวต้องเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ลุยทัวร์นาเมนต์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ 2025 ที่ประเทศโมร็อกโก

นั่นหมายความว่าบททดสอบของลิเวอร์พูลจะยิ่งหนักขึ้นไปอีก ทั้งในเรื่องแท็กติกและสภาพจิตใจ เพราะต้องลงสนามโดยไม่มีสตาร์เบอร์หนึ่งของทีม แต่จากสิ่งที่โจนส์เล่า บรรยากาศในทีมตอนนี้คือ “โฟกัสฟุตบอลเท่านั้น” และทุกคนพร้อมยืนขึ้นสู้แทนซาลาห์ในช่วงที่เจ้าตัวไม่อยู่

เกล็ดความรู้: ดราม่าหลังเกม กับวัฒนธรรมในห้องแต่งตัวทีมใหญ่

  • ในทีมระดับท็อปอย่าง ลิเวอร์พูล ความขัดแย้งหรืออารมณ์เดือดหลังเกมถือเป็นเรื่อง “ปกติ” มากกว่าผิดปกติ เพราะทุกคนถูกปลูกฝังให้เกลียดความพ่ายแพ้ และคาดหวังมาตรฐานสูงตลอดเวลา
  • ซูเปอร์สตาร์อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มักถูกจับตามองทุกคำพูด หากหลุดอะไรแรง ๆ ออกมาเพียงนิดเดียว กระแสจากสื่อและแฟนบอลสามารถขยายประเด็นให้ใหญ่กว่าความเป็นจริงในห้องแต่งตัวหลายเท่า
  • การขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาท แต่เป็น “จุดเชื่อมความเชื่อใจ” ที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าทีมมาก่อนอีโก้ส่วนตัว
  • นักเตะที่ไม่พอใจเมื่อทีมผลงานไม่ดี หรือไม่โอเคเวลาตัวเองไม่ได้ลง คือประเภทที่โค้ชหลายคนชอบ เพราะอย่างน้อยบอกได้ชัดว่า “คนนี้อยากลงไปช่วยทีมจริง ๆ”
  • ทัวร์นาเมนต์ทีมชาติอย่าง แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ มักส่งผลกระทบกับสโมสรใหญ่ในยุโรปเสมอ ทั้งในเรื่องตัวผู้เล่นหายไปช่วงกลางฤดูกาล และการปรับแท็กติกให้รับมือช่วงที่ขาดแข้งสำคัญ

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะดราม่า ทั้งในห้องแต่งตัวหงส์แดงและเวทีลูกหนังยุโรป อย่าลืมติดตามข่าวเด็ด วิเคราะห์เข้ม และมุมมองจัดจ้านได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM