หากพูดถึงหนึ่งในกุนซือที่สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นพลังได้อย่างน่าทึ่งในฤดูกาลนี้ ชื่อของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ต้องถูกยกขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ แบบไร้ข้อโต้แย้ง หลังเข้ามารับงานคุมทัพ พลังกาญจน์ เอฟซี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แต่กลับพาทีมทะยานขึ้นชั้นสู่ ไทยลีก ได้ตามเป้าหมายอย่างสง่าผ่าเผย

ดีกรี แชมป์ไทยลีก 2020/21 กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย และเมื่อโค้ชโอ่งได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามานั่งเก้าอี้หัวหน้าผู้ฝึกสอนของ พลังกาญจน์ เอฟซี ตั้งแต่ นัดที่ 12 ของฤดูกาล 2024/25 เขาก็เริ่มเดินหน้าปลุกทีมให้ตื่นจากฝันร้ายทันที ด้วยแท็กติกที่เฉียบขาด การบริหารขุมกำลังที่ชัดเจน และการจุดไฟในหัวใจของนักเตะให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

แม้จะเข้ามากลางทาง แต่ผลลัพธ์ที่ “โค้ชโอ่ง” ทำได้นั้นเกินคาด ด้วยผลงานตลอดฤดูกาลที่ลงเล่นทั้งหมด 26 นัด เก็บชัยชนะได้ 12 นัด เสมอ 10 และแพ้เพียง 4 นัด เท่านั้น พร้อมยิงประตูได้ถึง 51 ลูก เสียเพียง 35 ประตู แสดงให้เห็นถึงความลงตัวในทั้งเกมรุกและเกมรับที่เขาสร้างขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน

และเมื่อเข้าสู่ รอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ผลงานก็ยังร้อนแรงไม่เปลี่ยน แข่ง 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร พร้อมพาทีมคว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้น ไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2025/26 ได้อย่างสุดมันตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นซีซั่น

การมาของโค้ชโอ่งไม่เพียงแต่เปลี่ยนรูปเกมในสนามเท่านั้น แต่ยังเติมพลังความมั่นใจให้กับนักเตะทั้งทีม รวมถึงสร้างบรรยากาศภายในสโมสรให้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจุดโฟกัสที่ชัดเจนอีกครั้ง นี่คือผู้นำที่มากด้วยประสบการณ์จากทั้งการเล่นและการคุมทีมระดับสูง ซึ่งทีมในจังหวัดกาญจนบุรีเฝ้ารอมานาน

ด้าน นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ประธานสโมสร พลังกาญจน์ เอฟซี ก็ได้ยืนยันตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ว่า สโมสรจะยังคงให้โค้ชโอ่งทำหน้าที่คุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน เพื่อต่อยอดความสำเร็จในลีกสูงสุดของประเทศ

ฟุตบอลไทย GOALSIAM ขอยกนิ้วให้กับผลงานของโค้ชโอ่ง และรอติดตามว่าการกลับสู่ไทยลีกของ พลังกาญจน์ เอฟซี ภายใต้การนำของเขาจะสร้างแรงกระเพื่อมแค่ไหนบนเวทีใหญ่ของฟุตบอลไทย