สรุปเกมลอนดอนดาร์บี้ เชลซีสิบคนแต่ใจเกินร้อย

ศึก พรีเมียร์ลีก คู่ใหญ่ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยดราม่าสุดเข้มข้น เมื่อ เชลซี เปิดบ้านเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 ในเกมที่เจ้าถิ่นต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก แต่ยังฮึดยิงนำก่อนจากลูกโขกของ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ก่อนที่ มิเกล เมริโน่ จะโหม่งตีเสมอให้ทีมเยือนช่วงครึ่งหลัง แบ่งกันไปทีมละแต้มใน ลอนดอนดาร์บี้ สุดระอุ

แม้ผลเสมออาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนสิงห์ฝันไว้ แต่จากบริบทของเกมที่ต้องสู้กับจ่าฝูง ทั้งที่เสียเปรียบตัวผู้เล่นเกินครึ่งชั่วโมง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยอมรับเต็มปากว่านี่คือหนึ่งในฟอร์มที่สะท้อนให้เห็นชัดว่าทีมของเขากำลังเดินมาถูกทาง

เชลซีเปิดเกมไม่กลัวจ่าฝูง ก่อนโดนใบแดงเปลี่ยนรูปเกม

แมตช์นี้ เชลซี วางหมากเน้นความดุดัน กล้าบุก กล้าขึ้นเพรสสูง ไม่ได้ลงไปตั้งรับรอจังหวะสวนกลับอย่างเดียว ในช่วงที่ทั้งสองทีมมีผู้เล่น 11 คนเท่ากัน สิงห์บลูส์กล้าเล่น กล้าลุย จนหลายจังหวะบีบให้แนวรับ อาร์เซน่อล เสียจังหวะอยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมมาถึงช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อ มอยเซส ไกเซโด้ เข้าปะทะจังหวะหนักจนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้เชลซีต้องเล่น 10 คนในช่วงเวลาที่ยังเหลืออีกยาวนาน

ต่อให้เหลือตัวน้อยกว่า แต่สปิริตและแท็กติกของเจ้าถิ่นไม่หลุดโฟกัส มาเรสก้าปรับรูปแบบการยืนตำแหน่ง เน้นการปิดพื้นที่ตรงกลางและดักจังหวะสวนกลับอย่างมีวินัย

ชาโลบาห์ขึ้นโขกปลดล็อก แต้มทองของสิงห์สิบคน

ทันทีที่เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ความพยายามของเชลซีได้รับรางวัล เมื่อ เทรโวห์ ชาโลบาห์ เติมขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะแล้วโฉบโหม่งบอลเข้าประตูอย่างเด็ดขาด ให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0 ทั้งที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่า

ประตูนี้ไม่ใช่แค่สกอร์ แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงทีมเยือนว่า ต่อให้เหลือ 10 คน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาคว้า 3 แต้มได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ดี ในท้ายที่สุด อาร์เซน่อล ที่บุกอย่างต่อเนื่อง ก็มาได้ประตูตีเสมอจากลูกโขกของ มิเกล เมริโน่ ทำให้เกมจบลงที่ผลเสมอ 1-1 ซึ่งในมุมของเจ้าถิ่น ถือว่าเป็นแต้มสำคัญในเชิงจิตวิทยาและความมั่นใจของทีม

มาเรสก้าชมลูกทีม “เดินมาถูกทาง” แม้ชวด 3 แต้มในบ้าน

หลังจบเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า เปิดใจกับสื่ออย่างชัดเจนว่า เขามองเห็นพัฒนาการของทีมในระยะหลัง และเกมนี้ตอกย้ำภาพนั้นได้อย่างดี

กุนซืออิตาเลียนย้ำว่า ช่วงเวลาที่ทั้งสองทีมมีผู้เล่นเท่ากัน 11 ต่อ 11 เชลซี คือฝ่ายทำได้ดีกว่า กล้าครองบอล กล้าบุก และหาพื้นที่เล่นได้จากฟูลแบ็กและตัวริมเส้นทั้งสองข้าง โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จาก มาโล กุสโต้ และ เอสเตเวา สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับปืนใหญ่

เขายอมรับว่าหลังเหลือผู้เล่น 10 คน เกมย่อมยากขึ้นเป็นธรรมดา แต่ลูกทีมทุกคนช่วยกันวิ่งไล่ บีบพื้นที่ และรักษารูปเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขาพอใจกับแต้มที่ได้ แม้จะเสียดายโอกาสคว้าชัยในบ้านก็ตาม

ดราม่าใบแดงไกเซโด้ – มาเรสก้าตั้งคำถามมาตรฐานการตัดสิน

หนึ่งในประเด็นร้อนของเกมนี้หนีไม่พ้นจังหวะใบแดงของ มอยเซส ไกเซโด้ ซึ่งมาเรสก้าออกมายอมรับตรงๆ ว่า “มันคือใบแดง” ตามภาพที่ออกมา แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือ “มาตรฐาน” ในการตัดสินของผู้ตัดสินและ VAR

เขายกตัวอย่างจังหวะของ โรดริโก เบนตานกูร์ และ รีซ เจมส์ ในเกมก่อนหน้า ที่มีลักษณะการเข้าปะทะคล้ายกันแต่ไม่ได้ถูกลงโทษในระดับเดียวกัน จึงตั้งคำถามว่า ทำไมเคสคล้ายกันถึงได้รับการพิจารณาที่ไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม มาเรสก้าย้ำชัดว่า ใบแดงครั้งนี้ไม่เปลี่ยนความเชื่อของเขาที่มีต่อไกเซโด้เลย

มาเรสก้าปกป้องไกเซโด้ – ยังเชื่อใจเต็มร้อย

กุนซือสิงห์ระบุชัดว่า มอยเซส ไกเซโด้ “ยังเป็นคนเดิม” และยังเป็นนักเตะที่มีความสำคัญระดับแกนหลักของทีม เขาเป็นผู้เล่นที่กระหายชัยชนะ และเล่นด้วยความทุ่มเททุกครั้งที่ลงสนาม

ในสายตาของมาเรสก้า ใบแดงครั้งนี้คือส่วนหนึ่งของโลกฟุตบอลที่ทุกคนต้องเรียนรู้ และไม่ใช่เหตุผลให้ทีมลดความเชื่อมั่นในตัวมิดฟิลด์เอกวาดอร์รายนี้ แม้จะเป็นจังหวะที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องรับภาระหนักตลอดครึ่งหลัง

เป้าหมายระยะยาว – เชลซีชุดนี้ดีกว่าปีก่อน แต่ของจริงวัดกันกุมภาฯ–มีนาคม

มาเรสก้าพูดชัดว่า เขามั่นใจว่า เชลซี ชุดปัจจุบัน “ดีกว่าซีซั่นก่อน” ทั้งในเชิงโครงสร้างทีม, แท็กติก และทัศนคติในสนาม แต่เขาก็ยอมรับตามตรงว่า ยังต้องรอเวลาอีกสักพักเพื่อพิสูจน์ภาพรวม

เขาชี้ว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม จะเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ชัดว่า ทีมจะยืนอยู่ตรงไหนในตารางคะแนน และพร้อมตั้งเป้าหมายระยะยาวแบบชัดเจนแค่ไหน เพราะนั่นคือช่วงที่โปรแกรมเริ่มอัดแน่น และความสม่ำเสมอจะกลายเป็นปัจจัยหลักของการลุ้นเป้าหมายในฤดูกาลนี้

สำหรับตอนนี้ เขามองว่า การเก็บแต้มจากจ่าฝูงได้ ทั้งที่เหลือผู้เล่น 10 คน คือสัญญาณบวกที่ยืนยันว่า แนวทางที่กำลังเดินอยู่ไม่ใช่เรื่องผิดทิศทาง

เกล็ดความรู้จากเกมเชลซีเสมออาร์เซน่อล 1-1

  • เกมใหญ่ระดับ ลอนดอนดาร์บี้ มักมีใบแดงหรือจังหวะปะทะหนักให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เพราะทั้งสองทีมต่างมีศักดิ์ศรีและประวัติศักดิ์สิทธิ์บนเกาะอังกฤษ ทำให้ความเข้มข้นของเกมเกินระดับแมตช์ทั่วไป
  • การเล่นด้วยผู้เล่น 10 คนในระดับ พรีเมียร์ลีก ต้องอาศัยทั้งความฟิตและวินัยสูงมาก โค้ชต้องปรับแผนในเสี้ยววินาที ทั้งรูปแบบการเพรสซิ่ง การถอยบล็อก และการเลือกจังหวะสวนกลับให้เหมาะสม
  • ฟูลแบ็กยุคใหม่อย่าง มาโล กุสโต้ และตัวรุกริมเส้นอย่าง เอสเตเวา มีบทบาทสำคัญมากในทีมของมาเรสก้า เพราะช่วยทั้งในการยืดแนวรับคู่แข่งออกด้านข้าง และเป็นจุดเชื่อมระหว่างเกมรับกับเกมรุก
  • การตั้งคำถามถึงมาตรฐานของใบแดง ไม่ได้หมายความว่ากุนซือไม่เคารพการตัดสิน แต่สะท้อนว่าฟุตบอลยุค VAR ยังต้องพัฒนาเรื่อง “ความสม่ำเสมอ” ในการตีความกติกา เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรมใกล้เคียงกันมากที่สุด

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล…อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ พรีเมียร์ลีก GOALSIAM