โคราชคอนเฟิร์มแต่งตั้งโค้ชอั๋น กู้วิกฤติสวาทแคท
สถานการณ์ของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในซีซั่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เมื่อทีมจมอยู่ท้ายตารางแบบน่าเป็นห่วง ล่าสุดสโมสรตัดสินใจกดปุ่มรีเซ็ต ตั้ง “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อพาทีมลุยต่อในศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง 2025/26
ดีลนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนตัวกุนซือ แต่คือการประกาศชัดเจนว่า “สวาทแคท” ยังไม่ยอมยกธงขาวง่ายๆ และพร้อมดิ้นเต็มที่เพื่อดึงทีมกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็นบนเวที ไทยลีก
ทีมงานสตาฟฟ์จัดเต็ม เสริมเขี้ยวเล็บข้างสนาม
การมาของโค้ชอั๋นไม่ได้มาแบบเดี่ยวๆ แต่ขนทีมงานคุณภาพเข้ามาเสริมแกร่งข้างสนามแบบครบชุด นำโดย
- ทศพล สีดาพันธุ์ – โค้ชฟิตเนส
- ทวีศักดิ์ โมราศิลป์ – ผู้ช่วยโค้ช
- จักรพงศ์ ใหญ่โต – ผู้ช่วยโค้ช
- สุปรีชา เครือบคนโท – โค้ชผู้รักษาประตู
- ไพศาล จันทร์ประเสริฐ – โค้ชผู้รักษาประตู
การจัดทีมสตาฟฟ์แบบเต็มระบบสะท้อนชัดว่า โคราชไม่ได้มองแค่การเอาตัวรอดเฉพาะหน้า แต่ต้องการวางรากฐานการทำงานระยะยาว ทั้งเรื่องความฟิต แท็กติก และการพัฒนาศักยภาพของนักเตะทุกตำแหน่งในทีม

โปรไฟล์โค้ชอั๋น ผ่านสมรภูมิไทยลีกมาแล้วแทบทุกแบบ
สุรพงษ์ คงเทพ ไม่ใช่ชื่อใหม่ในวงการลูกหนังไทย เขาคือหนึ่งในโค้ชสายทำงานหนักที่ผ่านประสบการณ์คุมทีมหลากหลาย ทั้งทีมบิ๊กเนมและทีมที่ต้องหนีตายมาแล้วมากมาย อาทิ
- พัทยา ยูไนเต็ด
- สมุทรปราการ ซิตี้
- เชียงใหม่ เอฟซี
- สุโขทัย เอฟซี
- เชียงใหม่ ยูไนเต็ด
- การท่าเรือ เอฟซี
- ราชบุรี เอฟซี
เส้นทางของโค้ชอั๋นคือภาพสะท้อนของกุนซือที่ “ผ่านทั้งงานสร้างและงานเซฟทีม” มาแล้วทั้งนั้น การเข้ามารับงานกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องเกินมือ แต่เป็นอีกหนึ่งภารกิจโหดที่เจ้าตัวยอมรับคำท้าด้วยความท้าทายเต็มเปี่ยม
วิสัยทัศน์โค้ชอั๋น – โคราชไม่ควรอยู่ตรงนี้
ทันทีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ โค้ชอั๋นส่งสารชัดเจนถึงแฟนบอลว่า เขาไม่ได้มองโคราชเป็นแค่ทีมหนีตกชั้น แต่เป็น “สโมสรที่มีศักยภาพจะยิ่งใหญ่ได้”
เขาย้ำว่า สโมสร ไม่ควรต้องมาอยู่ตรงจุดนี้ ทั้งในแง่ขนาดฐานแฟนบอล เมืองฟุตบอล และบรรยากาศในสนามเหย้าอย่างสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในรังเหย้าที่แฟนบอลพร้อมใจกันสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งมาตลอดหลายปี
คำพูดของโค้ชอั๋นไม่ใช่แค่ให้กำลังใจ แต่คือการตั้งมาตรฐานใหม่ให้ห้องแต่งตัว และย้ำกับทุกคนในทีมว่า โคราชต้องกลับไปยืนในจุดที่เหมาะสมกับศักดิ์ศรีของสโมสร
ภารกิจแรก: พาโคราชหนีโซนตกชั้นให้ได้ก่อน
เป้าหมายที่ได้รับมอบหมายจาก นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานสโมสร ชัดเจนแบบไม่ต้องตีความ – “ทำทีมให้หลุดพ้นโซนตกชั้นให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก”

ด้วยผลงานในซีซั่น บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง 2025/26 ลงเล่น 13 นัด ชนะ 1 เสมอ 4 แพ้ 8 เก็บได้เพียง 7 คะแนน รั้งอันดับ 16 บ๊วยของตาราง และตามโซนปลอดภัยอย่าง ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 13 อยู่ 4 คะแนน ภารกิจนี้จึงไม่ได้ง่ายเลย
แต่ในมุมของโค้ชที่เคยผ่านงานกดดันมาแล้วมากมาย โค้ชอั๋นมองว่านี่คือ “โจทย์หนักแต่ไม่ใช่โจทย์ที่เป็นไปไม่ได้” และทุกอย่างจะเริ่มได้จริงก็ต่อเมื่อทั้งสโมสรและนักเตะ “เชื่อร่วมกันว่าทำได้”
เตรียมเสริมทัพเลกสอง สร้างมิติใหม่ให้ทีม
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่แฟนสวาทแคทจับตาคือเรื่องการเสริมทัพ ซึ่งโค้ชอั๋นยืนยันชัดเจนว่า “มีแน่นอน” และทีมงานสcoutรวมถึงฝ่ายบริหารได้เริ่มขยับเดินงานไปบางส่วนแล้ว
แม้จะไม่ได้เปิดชื่อหรือจำนวนผู้เล่น แต่จากประสบการณ์ของโค้ชอั๋นที่เคยทำงานกับผู้เล่นไทยและต่างชาติมามากมาย ก็มีโอกาสสูงว่าโคราชจะได้เห็นการเติมผู้เล่นที่ตอบโจทย์แท็กติก ไม่ใช่แค่ซื้อหวังเรียกเสียงฮือฮาเท่านั้น
เลกสองจึงไม่ใช่แค่ครึ่งหลังของฤดูกาล แต่น่าจะเป็น “ครึ่งหลังของภารกิจหนีตกชั้น” สำหรับแฟนบอลโคราชอย่างแท้จริง
ภาพรวมสถานการณ์บนตาราง และศึกหนักนัดต่อไป
ในตอนนี้ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยังยืนอยู่ในจุดที่เสี่ยงสุดๆ บนตารางคะแนน 7 แต้มจาก 13 นัดคือสิ่งที่บอกชัดว่า ทุกเกมจากนี้ไปคือ “เกมชี้ชะตา”
โปรแกรมถัดไปของโคราชจะไม่ง่ายเลย เมื่อเตรียมเปิดสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา รับการมาเยือนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หนึ่งในทีมแกร่งของลีก ในศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง 2025/26 นัดที่ 14 วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลา 18.30 น.
เกมนี้จะเป็นแมตช์ที่แฟนบอลได้เริ่มเห็นเค้าโครงชัดเจนขึ้นว่า “โค้ชอั๋น เวอร์ชั่นสวาทแคท” จะพาทีมเล่นด้วยสไตล์แบบไหน และความเข้มข้นในเชิงแท็กติกจะไปสุดได้แค่ไหนเมื่อเจอทีมระดับหัวแถวของลีก

เกล็ดความรู้สายลึก: โค้ชอั๋น & สวาทแคทบนเส้นทางหนีตาย
- นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ขึ้นชื่อเรื่องฐานแฟนบอลแน่น และบรรยากาศในบ้านที่ดุดัน หากทีมเริ่มชนะในรังเหย้าได้ต่อเนื่อง แรงส่งจากสตนด์จะกลายเป็นอาวุธสำคัญในการหนีโซนตกชั้น
- โค้ชอั๋นเป็นหนึ่งในกุนซือที่ขึ้นมาจากการทำงานระดับเยาวชนและทีมเล็ก ก่อนจะไต่เต้าสู่เวทีใหญ่ ทำให้เข้าใจดีว่าการจัดการทีมที่ไม่ได้มีทรัพยากรมหาศาลต้องใช้ทั้งแท็กติกและการบริหารคนควบคู่กัน
- สถิติ 7 คะแนนจาก 13 นัดอาจดูน่ากังวล แต่ช่องว่างแค่ 4 แต้มจากโซนปลอดภัย แปลว่าหากทีมสามารถเก็บชัยชนะต่อเนื่องได้เพียง 1–2 เกม บรรยากาศและความเชื่อในทีมจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
- การเสริมทัพเลกสองในฟุตบอลไทย มักเป็นจุดชี้วัดว่าทีมจะ “ร่วงหรือรอด” โดยเฉพาะทีมหนีตกชั้น หากเลือกตัวได้ตรงจุดเพียง 2–3 คน ก็สามารถเปลี่ยนทั้งหน้าเกมรุกและทรงเกมรับได้ทันที
ขอบคุณรูปภาพจาก Nakhonratchasima FC
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล…อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลไทย GOALSIAM