พายุวิจารณ์ถล่มบาร์ซ่า หลังยุคฟลิคสะเทือนทั้งสเปนและยุโรป

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คลื่นเสียงวิจารณ์ถาโถมใส่ทั้ง บาร์เซโลนา และกุนซือใหญ่อย่าง ฮันซี่ ฟลิค แบบไม่ให้ได้หายใจ โดยเฉพาะหลังเกมบุกพ่ายเชลซีเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ทำให้ความกังขาเรื่องแท็กติกและทิศทางทีมดังแคว้นกาตาลันพุ่งขึ้นถึงจุดเดือด แม้ฟลิคจะออกมาตอบโต้ และปกป้องแนวทางของตัวเอง แต่กระแสความไม่พอใจยังไม่แผ่วลงเลยแม้แต่นิดเดียว

ล่าสุดถึงคิวของ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ อดีตมิดฟิลด์ของบาร์ซ่าออกมาสาดคำวิจารณ์ใส่ทีมเก่าแบบตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องแผนการเล่นของฟลิค และระดับคุณภาพผู้เล่นชุดปัจจุบัน ที่เขามองว่ามีเพียง ลามิน ยามาล เท่านั้นที่อยู่ระดับ “เวิลด์คลาส” จริงๆ

“บาร์ซ่าเหมือนคาสิโน” เปอตีต์จวก ฟลิค เดิมพันทุกอย่างบนยามาล

พึ่งเด็กวัยทีนเกินไป จนขาดมิติทั้งทีม

เปอตีต์เปิดฉากแบบเจ็บลึก เขามองว่า บาร์ซ่าในตอนนี้มีรูปแบบการสร้างทีมที่เสี่ยงเกินไป

เขาเปรียบสโมสรว่า “เหมือนคาสิโนที่เดิมพันทุกอย่างไว้กับ ลามิน ยามาล คนเดียว” ดาวรุ่งวัยทีนที่ถูกยกเป็นความหวังสูงสุดในเกมรุก ทั้งการเลี้ยงกินตัว, การสร้างสรรค์โอกาส และการตัดสินเกมในพื้นที่สุดท้าย

เปอตีต์เชื่อว่า บาร์ซ่ายังดีพอ “ลุ้นแชมป์ลาลีกา” ได้จากศักยภาพเกมรุกและมาตรฐานในประเทศ แต่ถ้าพูดถึงระดับ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เขาชี้ชัดว่า “ยังห่างไกล” โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่แนวรับชุดปัจจุบัน

เขาตั้งคำถามว่า “มีใครคิดจริงๆ ไหมว่า บาร์ซ่าจะคว้าแชมเปียนส์ลีกได้ด้วยแนวรับชุดนี้?”

แล้วเปอตีต์ก็ย้ำคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า – “เป็นไปไม่ได้

เกมรับรั่วคือแผลลึก บาร์ซ่าชุดนี้ห่างยุคเมสซี่หลายช่วงตัว

ตัวเลขบอกชัด เสียประตูเกินไปในเกมระดับสูง

หนึ่งในจุดที่เปอตีต์หยิบมาจี้คือเรื่อง เกมรับบาร์ซ่า

เขาย้อนถึงผลงานในเวทียุโรป โดยเฉพาะเกมรอบรองชนะเลิศกับอินเตอร์ที่บาร์ซ่า “โดนยิงไปถึง 7 ประตูในสองเลก” ซึ่งสำหรับเขา นั่นคือหลักฐานชัดเจนว่าทีมชุดนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการแย่งแชมป์ยุโรประดับสูงสุด

เปอตีต์ยอมรับว่าบาร์ซ่ายังมีนักเตะ “ระดับสูง” หลายคน แต่ในมุมมองของเขา พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับ “เวิลด์คลาส” แบบที่เคยมีในยุค ลีโอเนล เมสซี่, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, การ์เลส ปูโยล ที่ทั้งเก่งทั้งแกร่ง ทั้งเป็นผู้นำในสนาม

เขาตั้งคำถามซ้ำว่า

“คุณจะคว้าแชมเปียนส์ลีกด้วยแนวรับแบบนี้ได้จริงหรือ? เป็นไปไม่ได้ พวกเขาเสียประตูมากเกินไป และเราเห็นภาพนี้ซ้ำๆ ตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว”

ในสายตาเปอตีต์ ปัญหาของบาร์ซ่าไม่ใช่แค่เรื่องแท็กติกของฟลิค แต่คือโครงสร้างเชิงคุณภาพของทีม โดยเฉพาะแนวรับ ที่ยังไม่ใกล้เคียงกับมาตรฐานทีมที่เคยครองยุโรป

เปอตีต์ชี้ทาง: อาร์เตต้า อาจเป็นคำตอบใหม่ของบาร์ซ่า

มองไกลถึงซัมเมอร์หน้า ตัวแทนฟลิคอาจมาจากลอนดอนเหนือ

จากการวิจารณ์ปัจจุบัน เปอตีต์ลากไปจนถึง “อนาคตหลังยุคฟลิค” ด้วย เขามองว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล คือคนที่เหมาะสมอย่างยิ่งหากบาร์ซ่าคิดจะเปลี่ยนทิศทางทีมในซัมเมอร์หน้า

จุดสำคัญคือ อาร์เตต้าเคยผ่านระบบเยาวชนของบาร์ซ่ามาก่อน รู้จักดีเอ็นเอของสโมสร และในตอนนี้กำลังทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมปืนใหญ่ จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในโค้ชสายโปรเจ็กต์ที่มาแรงที่สุดในยุโรป

เปอตีต์วิเคราะห์ว่า ถ้าอาร์เตต้าพาทีมลุ้นแชมป์ และ “ปิดจ๊อบ” คว้าความสำเร็จกับอาร์เซน่อลได้ในฤดูกาลนี้ หลังจากทำงานมาเกือบ 7 ปี มันจะเป็นจังหวะที่เจ้าตัวอาจเริ่มมองหาความท้าทายใหม่

เขามองภาพว่า อาร์เตต้าอาจคิดว่า “ผมทำภารกิจกับอาร์เซน่อลสำเร็จแล้ว ถึงเวลาต้องหาสิ่งใหม่ในชีวิตการคุมทีม” และบาร์ซ่าก็คือเวทีระดับสูงที่ทั้งมีความหมายทางอาชีพ และตอบโจทย์เรื่อง “ไลฟ์สไตล์ในสเปน” ให้ครอบครัวได้พอดี

ถ้าไปจริง เงื่อนไขแรกต้อง “รื้อเกมรับ”

อย่างไรก็ตาม เปอตีต์ไม่ได้มองว่า อาร์เตต้าจะเดินเข้าไปในคัมป์ นู แล้วทุกอย่างจะดีเอง เขาเชื่อว่ากุนซือสแปนิชจะตั้งเงื่อนไขชัดเจน หากมีโอกาสรับงานบาร์ซ่า

เงื่อนไขใหญ่สุดในมุมมองของเปอตีต์คือ “ต้องยกเครื่องแนวรับใหม่แทบทั้งระบบ” ทีมอาจยังมีลุ้นแชมป์ลาลีกาได้ต่อเนื่อง แต่ถ้าไม่รีบแก้เกมรับ ตั้งแต่โครงสร้าง ไปจนถึงบุคลากร ตัวเขาเชื่อว่า “โอกาสลุ้นแชมป์แชมเปียนส์ลีกจะยังคงเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ”

สรุป: บาร์ซ่าอยู่ในช่วงทางแยก ระหว่างทนเจ็บหรือกล้าเปลี่ยน

จากมุมของ เอมมานูเอล เปอตีต์ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ บาร์เซโลนา ในตอนนี้คือ “ทางแยกสำคัญ” สโมสรยังมีศักยภาพลุ้นแชมป์ในประเทศ แต่หากยังยึดแนวทางเดิม ทั้งในเรื่องแท็กติกของ ฮันซี่ ฟลิค และชุดผู้เล่นเกมรับ การก้าวไปถึงระดับแชมป์ยุโรปแทบเป็นไปไม่ได้

การผลักภาระเกมรุกและความหวังทั้งทีมไปกองอยู่บนบ่าของ ลามิน ยามาล แม้จะทำให้บาร์ซ่าดูตื่นเต้นในสายตาแฟนบอล แต่ในระยะยาวคือความเสี่ยงระดับสูง ขณะที่แนวคิดเรื่องการดึง มิเกล อาร์เตต้า กลับมานั่งเก้าอี้กุนซือ อาจเป็นหมากสำคัญที่จะกำหนดทิศทางใหม่ให้สโมสร – หากบอร์ดกล้าพอ และพร้อมสร้างทีมที่สมดุลทั้งรุกและรับจริงๆ

สุดท้ายแล้ว บาร์ซ่าจะยอมทนกับช่วงเปลี่ยนผ่านที่ชวนปวดหัว หรือกล้า “ผ่าตัดใหญ่” เพื่อกลับไปยืนในจุดที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ต้นของยุโรป นี่คือคำถามที่ทั้งแฟนบอล และคนในสโมสรเองหนีไม่พ้นในเร็วๆ นี้

เกล็ดความรู้บอลยุโรปจากประเด็นนี้

  • บาร์เซโลนาเคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมที่เกมรับเหนียวที่สุดยุค เป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่หลังยุคนั้น ความสมดุลระหว่างรุก-รับถูกตั้งคำถามมาอย่างต่อเนื่อง
  • การใช้ดาวรุ่งเป็นแกนหลัก เช่น ลามิน ยามาล เป็นเทรนด์ที่หลายสโมสรใหญ่ในยุโรปทำเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะต้องเสริมด้วยแข้งประสบการณ์สูงคอยพยุง ไม่ใช่ให้เด็กวัยทีนเป็น “ทุกอย่างของทีม”
  • มิเกล อาร์เตต้า ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่วางโครงสร้างเกมรับและการเพรสซิงได้ดีมากในพรีเมียร์ลีก หากได้คุมทีมที่มีดีเอ็นเอ “ครองบอลบุกใส่” อย่างบาร์ซ่า จะเป็นการผสมผสานปรัชญาที่น่าสนใจมากในอนาคต

แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ทั้งข่าวตลาดซื้อขายนักเตะ วิเคราะห์เกมยุโรป และประเด็นดราม่าจากลีกใหญ่ อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ฟุตบอลต่างประเทศ GOALSIAM